ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > ปิดฉากชีวิตปูชณียบุคคลวงการสองล้อเมืองไทย
ปิดฉากชีวิตปูชณียบุคคลวงการสองล้อเมืองไทย
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ บจก.เอ.พี.ฮอนด้า วันที่ 18 พ.ค.54

วงการรถจักรยานยนต์เมืองไทยสุดเศร้า “เฮียสิงห์-ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์” ขุนพลใหญ่ค่ายมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าสิ้นชีพแล้วอย่างสงบ ทิ้งความสำเร็จ ชื่อเสียง และสุดยอดกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่เหมือนใครไว้เบื้องหลัง ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ เพื่อนฝูง สื่อมวลชนสายยานยนต์ พร้อมเหล่าพนักงาน เอ.พี.ฮอนด้า แห่แชตเฟสบุ๊คส่งข้อความร่วมไว้อาลัย พร้อมยกย่องให้เป็น “ปูชณียบุคคลแห่งวงการ” และ “ตำนานของวงการสองล้อเมืองไทย”

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของบริษัทฯ จากการเสียชีวิตของ “นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์” กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด อย่างสงบด้วยวัย 59 ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2554 ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวและบุคคลใกล้ชิด โดยทางครอบครัวได้ตั้งศพเพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ณ ศาลา 44 (เสถียรไทย) วัดธาตุทอง เอกมัย และมีกำหนดสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันนี้จนถึงวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป และจะบรรจุศพไว้ 100 วัน

โดยตลอดวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2554 ต่อเนื่องวันที่ 16 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา พนักงานของบริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด บุคคลใกล้ชิด ตลอดจนสื่อมวลชนไทยหลายแขนงต่างแสดงความไว้อาลัยแก่ “เฮียสิงห์-ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์” โดยสื่อสารผ่านเฟสบุ๊คแสดงความเสียใจและไว้อาลัย พร้อมยกย่องให้ “เฮียสิงห์” เป็นปูชณียบุคคลอันทรงคุณค่าของวงการรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งได้สร้างคุณงามความดีต่อวงการอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์เมืองไทยตลอดช่วงระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา

แม้จะไม่ได้ร่ำเรียนทางด้านการตลาดมาก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ที่หล่อหลอมเข้ากับความรู้ทางด้านวิศวอุตสาหกรรมจากประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าประสบความสำเร็จในตลาดเมืองไทยมาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ในฐานะผู้นำตลาดตลอด 22 ปีทั้งด้านภาพลักษณ์ ยอดการจำหน่าย และการเลือกใช้กลยุทธ์ส่งเสริมทางการตลาดนี้ ล้วนแต่เกิดจากการกลั่นกรองและผลักดันของ “เฮียสิงห์” แทบทั้งสิ้น

โดยเฉพาะ "ฮอนด้า เวย์" กลยุทธ์ทางการตลาดที่มีหลายลักษณะ ที่ ”เฮียสิงห์” เป็นผู้สร้างสรรค์และวางนิยามไว้นั้น มิใช่เพียงแค่คำนึงถึงการทำตลาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังกำหนดทิศทางให้ “เอ.พี.ฮอนด้า” และ “รถจักรยานยนต์ฮอนด้า” ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมควบคู่ไปด้วย ซึ่งกลยุทธ์นี้สามารถพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ เพื่อรักษาสถานะความเป็นผู้นำตลาดอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนผลกระทบจากปัจจัยลบภายนอกรอบด้าน

ขณะเดียวกันแนวความคิดและนโยบายทางการตลาดต่างๆ ที่นำออกมาใช้นั้น มิใช่เพียงแต่จะสร้างชื่อสร้างความสำเร็จให้แก่ เอ.พี.ฮอนด้า และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเท่านั้น แต่ยังได้วางรากฐานสำคัญเพื่อให้นานาชาติได้ประจักษ์ถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และฝีมือคนไทย ในฐานะที่เป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์มาตรฐานโลกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศอีกด้วย

โดยเฉพาะบทบาทสำคัญในการผ่องถ่ายตลาดรถจักรยานยนต์จากเครื่องยนต์ระบบ 2 จังหวะมาเป็นเครื่องยนต์ระบบ 4 จังหวะในช่วงปี 2541 รวมถึงความสำเร็จในการเปลี่ยนถ่ายตลาดรถจักรยานยนต์จากเครื่องยนต์คาบูเรเตอร์ที่ล้าสมัยมาเป็นเครื่องยนต์ระบบหัวฉีดแบบ PGM-FI ที่เหนือชั้นข้ามขั้นเทคโนโลยีสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้ เนื่องจากให้สมรรถนะดี ขับขี่สนุกสนาน ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเริ่มบุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2546 จนวันนี้ครองความนิยมและกลายเป็นขวัญใจมหาชนแบบเบ็ดเสร็จ 100% นอกจากนั้นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจต่อผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ฮอนด้าและสนับสนุนให้ฮอนด้ามีอัตราครองตลาดในลำดับ 1 ได้อย่างยาวนานและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วนั้นคือการผลักดันตลาดรถมือสองในช่วงปี 2540

ในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทย ยังถือได้ว่าคุณธีระพัฒน์เป็นผู้บุกเบิก พัฒนา และสนับสนุนมาตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปี จนในวันนี้ประเทศไทยเรามีนักแข่งในสนามระดับโลก ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หนึ่งเดียวในความภาคภูมิใจของคนไทยในปัจจุบัน

ความสำเร็จเหล่านี้ล้วนเกิดจากแนวคิดของ “เฮียสิงห์-ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์” ที่ได้วางรากฐานจนนำมาสู่การสร้างสรรค์นโยบายทางการตลาด ให้แก่วงการรถจักรยานยนต์เมืองไทยและรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่หนึ่งในทุกๆ ด้าน เพื่อให้สามารถตอบสนองประชาคมโลก พร้อมมอบความภาคภูมิใจให้กลุ่มผู้บริโภคทุกระดับเป็นสำคัญ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และองค์กรสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ และที่สำคัญ คุณธีระพัฒน์ ยังได้ถ่ายทอดปลูกฝังและฝึกฝนแนวคิดนี้สู่ทีมงานคนรุ่นใหม่ที่มากความสามารถไว้มากมายในองค์กรฮอนด้า เพื่อให้องค์กรเติบโตยืนหยัดอย่างยั่งยืน