ร่วมงานกับเรา
ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ > ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ 7 เดือนของปี 2550
ยอดมอ'ไซค์ 7 เดือนวูบ 17% มั่นใจครึ่งหลังดีดกลับ
ที่มา – นสพ.ประชาชาติธุรกิจ  วันที่ 27-29 ส.ค.50

ขายมอเตอร์ไซค์ 7 เดือน ตลาดหดตัว 17% "ฮอนด้า-ยามาฮ่า" ชี้เศรษฐกิจ-การเมืองไม่นิ่ง ส่งผลยอดขายร่วง ด้านยามาฮ่าเผยปีนี้ตลาดออโตเมติกพลาดเป้า 60% เผยมั่นใจสถานการณ์คลี่คลาย เชื่อครึ่งปีหลังของปีหน้าตลาดกลับมาดีอีกครั้ง

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ 7 เดือนของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 974,897 คัน ลดลง 17% หรือ 195,464 คัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ในปัจจุบันว่าอยู่ในสภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่อง

โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่อยู่ในสภาพชะลอตัว สำหรับยอดการจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 137,932 คัน ลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 71,004 คัน รถจักรยานยนต์แบบเกียร์อัตโนมัติ 61,441 คัน รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 4,220 คัน รถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต 870 คัน และรถจักรยานยนต์ประเภทอื่นๆ 397 คัน

นายธีระพัฒน์กล่าวถึงฮอนด้าเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีอัตราการจดทะเบียนลดลงน้อยสุด คือ 7 เดือนมีทั้งสิ้น 688,387 คัน ลดลง 12% ซึ่งเป็นผลมาจากการวางตลาดผลิตภัณฑ์ที่สนองตอบตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้ใช้รถบวกกับการมุ่งเน้นกลยุทธ์การเสริมสร้างภาพลักษณ์ ประกอบกับการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายรวมถึงกิจกรรมที่สอดคล้องและเข้าตรงถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ใช้รถ

ด้านนายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดรถจักรยานยนต์ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2549 มาถึงช่วงครึ่งแรกของปีที่ตลาดหดตัวไปแล้ว 16.2%

โดยเฉพาะตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกที่มีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง ที่เดิมบริษัทคาดว่าในปีนี้ตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกจะมีสัดส่วนเป็น 60% ของตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้ แต่จากผลกระทบดังกล่าวทำให้คาดว่าสัดส่วนของรถออโตเมติกจะลดลงเหลือเพียง 50% ในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการจำหน่ายอยู่ที่ 46%

ทั้งนี้เชื่อว่าภายหลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว สถานการณ์ต่างๆ น่าจะกลับสู่ภาวะปกติ และคาดว่าตลาดจะกลับมาดีอีกครั้งหนึ่ง โดยจะเห็นผลชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 อย่างแน่นอน และคาดว่าตลาดน่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านคัน จากปีนี้ที่คาดว่าจะปิดตัวเลขที่ 1.6 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจ

"ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ยามาฮ่าเองก็หดตัวเช่นเดียวกับตลาดรวม ซึ่งเรามียอดขายอยู่ที่ 2.2 แสนคัน แต่เมื่อดูจากส่วนแบ่งตลาดที่ไม่ลดลง ทำให้เชื่อว่าเรายังมีศักยภาพการแข่งขันที่ดีอยู่ และตัวเลข 4 แสนคันในปีนี้เราเชื่อว่าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน"

นอกจากนี้บริษัทมีแผนในการพัฒนาเครือข่ายในส่วนของยามาฮ่า สแควร์ จากเดิมที่มีอยู่ 230 สาขา บริษัทตั้งเป้าภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้จะมีการพัฒนายามาฮ่า สแควร์ ให้ได้ที่ 400 สาขา จากตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ทุกรูปแบบ 460 แห่งในปัจจุบัน

แม้ว่าสภาพการแข่งขันในตลาดนั้นค่อนข้างรุนแรง บวกกับการที่ผู้ประกอบการได้มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีการส่งสินค้ารุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง สำหรับยามาฮ่าก็ต้องมีการพัฒนาสินค้าในแต่ละกลุ่มให้มีความชัดเจนมากขึ้น เราอาจจะมีการพัฒนาสินค้าเซ็กเมนต์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมกับตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้