สองค่ายยักษ์ยามาฮ่า ซูซูกิ มั่นใจตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งหลังยังไปได้ แม้จะมีปัจจัยลบเข้ามารบกวน คาดปีนี้ทุกยี่ห้อขายรวมกัน 1.9 ล้านคัน
ยามาฮ่าเดินหน้าจัดกิจกรรมเชิงรุก หลังประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์ใหม่ ขณะที่ซูซูกิเตรียมเปิดตัวสกู๊ตเตอร์ใหม่ และปรับองค์กรรับตลาดโต
นางมีนา เปรื่องวิริยะ ผู้จัดการส่วนสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภาพรวมของยอดขายรถจักรยานยนต์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2547 ว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ในไทยยังมีการเติบโตในทิศทางที่ดี และคาดว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2547 นี้ โดยคาดว่ายอดขายรถจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อรวมกันจะขายได้ราว 1.9 ล้านคัน
สำหรับในส่วนของยามาฮ่านั้นก็จะมีการจัดกิจกรรมการตลาดในเชิงรุกต่อเนื่องจากที่เคยจัดมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การสร้างแบรนด์ยามาฮ่าให้เป็นที่โดดเด่นมากขึ้น ด้วยกลยุทธ์การเปิดตัวสินค้าใหม่ การปรับปรุงโชว์รูมและศูนย์บริการให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย การสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรงซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาทำให้ยอดขายของบริษัทประสบความสำเร็จและมีอัตราการเติบโตมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ในปี 2547 นี้ยังได้มีการปรับยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 1.9 แสนคันเป็น 2.7 แสนคันอีกด้วย ซึ่งยอดขายในครึ่งปีแรกนั้นมีจำนวน 1.33 แสนคัน ดังนั้นคาดว่าเป้าหมายในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตามสำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2547 นี้ คาดว่าจะไม่มีปัจจัยลบรุนแรงทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ชะลอตัว แม้ว่าในขณะนี้ปัจจัยทางด้านราคาน้ำมันจะสูงขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบโดยรวมกับเศรษฐกิและราคาสินค้า แต่หากว่ามองในอีกด้านหนึ่งนั้นจะพบว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อาจจะส่งผลให้คนทั่วไปหันมาประหยัดและระมัดระวังค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการใช้รถยนต์ และหันมาใช้รถจักรยานยนต์ทดแทน ซึ่งก็จะเป็นผลดีต่อธุรกิจรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้การแข่งขันของบรรดาไฟแนนซ์ที่ให้บริการสินเชื่อกับผู้ที่จะซื้อรถจักรยานยนต์นั้น ก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้ยอดขายขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นายสถิตย์พงษ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในประเทศไทย (ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งจัดจำหน่ายโดยบ้านซูซูกิ) กล่าวถึงแผนงานของซูซูกิในช่วงครึ่งปีหลังว่า บริษัทจะมีการเปิดตัวรถใหม่ทุกไตรมาสและก็มีแผนที่จะเปิดจะเข้าสู่ตลาดรถถสกู๊ตเตอร์ในช่วงปลายปีนี้หรอืไม่ก็เป็นต้นปี 2548 ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีแผนการที่จะจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มความสามาครถในการแข่งขันระยะยาวอีกด้วย
สำหรับแนวโน้มของตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ตนมีความเห็นว่า ตลาดจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้จะไม่สูงเหมือนกับปีที่ผ่านมาก็ตาม โดยในช่วงไตรมาสสามของทุกปี ซึ่งเข้าสู่ฤดูฝนตลาดจะลดลงเล็กน้อย แต่ค่ายรถก็พยายามรักษาระดับยอดขายด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายออกมากระตุ้นลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีแนวโน้มตลาดน่าจะบวกหรือลบไม่แตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมานัก จากนั้นช่วงไตรมาสสุดท้ายจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งตามภาวะปกติ และปีนี้เป็นช่วงใกล้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงน่าจะช่วยให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง
นอกเหนือจากการเข้าใกล้ฤดูการเลือกตั้งแล้ว ยีงมีปัจจัยบวกในเรื่องของการที่ค่ายรถเข้ามาตั้งฐานในเมืองไทย ส่วนเรื่องของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นก็จะมีส่วนให้คนมาประหยัดมากขึ้น ดังนั้นรถจักรยานยนต์จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประหยัดกว่ารถยนต์ ส่วนทางด้านปัจจัยลบที่น่าจะทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ชะลดอตัวได้แก่ สถานการณ์ความวุ่นวายในภาคใต้ การขาดดุลการค้าของประเทศไทย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก มีการไหลออกของเงินทุน อย่างไรก็ตามสำหรับยอดขายรถจักรยานยนต์ของไทยนั้นคาดงว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2548 นั้นคาดว่าตัวเลขยอดขายทุกยี่ห้อรวมกันจะเข้าสู่หลัก 2 ล้านคัน ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 1.9 ล้านคัน