"ไทเกอร์" ไม่หวั่นมอเตอร์ไซค์จีนบุก ชี้ไม่ใหญ่จริงกว่าจะแทรกตลาดได้ไม่ง่าย ระบุชัดพฤติกรรมการซื้อรถเครื่องกว่า 90% ซื้อเงินผ่อน จำเป็นต้องมีเครือข่ายด้านสินเชื่อ มั่นใจ 3 ช่องทางขาย ธ.ก.ส. ซิงเกอร์ และดีลเลอร์ที่มีอยู่ทั่วประเทศคลุมตลาดได้ครบ ปลื้มรถสี่ล้อไฟฟ้าอเนกประสงค์ขายฉลุย เตรียมพัฒนารุ่นใหม่หวังกินรวบทุกตลาด
นายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทก้า มอเตอร์เซลส์ จำกัด ผู้ผลิตและ จำหน่ายจักรยานยนต์ ไทเกอร์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงภาวะการแข่งขันในตลาดรถจักรยานยนต์ว่า แม้ตลาดจะหดตัวลงประมาณ 1 แสนคัน จากตลาดรวมปีที่แล้ว 2 ล้านคัน มาอยู่ที่ 1.9 ล้านคัน อันเนื่องมาจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาภัยแล้งและมู้ดในการจับจ่าย แต่การแข่งขันก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะน้องใหม่ที่พยายามจะเข้ามาแทรกตลาด ล่าสุดมีมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ "แพลตตินัม" จากประเทศจีน ตั้งเป้าจะเข้ามาขายบ้านเราปีละ 2-3 แสนคัน ยิ่งทำให้ตลาดร้อนแรงมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ไทเกอร์ มิได้หวั่นไหวใดๆ ด้วยกลุ่มที่เข้ามาทำตลาดไม่ใช่ยักษ์ใหญ่อย่างซี.พี.ซึ่งเคยมีข่าวไปก่อนหน้านี้ และโรงงานในประเทศจีนก็ไม่ใช่โรงงานใหญ่ กลุ่ม HENSIM ก็ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของจีน
"เราไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไรสำหรับน้องใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาด ยิ่งเขาไม่ได้ใช้ราคาเป็นจุดขายเรายิ่งมั่นใจ เพราะการทำตลาดมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันสิ่งที่ต้องคำนึงคือ เครือข่าย อย่าลืมว่าพฤติกรรมการซื้อมอเตอร์ไซค์ตอนนี้กว่า 90% ซื้อเงินผ่อน ดังนั้นคนที่จะทำตลาดได้ดีจะต้องมีเครื่อข่ายด้านสินเชื่อที่เข้มแข็ง"
นายปิติกล่าวว่า ช่องว่างตรงนี้ ไทเกอร์ ได้อุดไว้ครบถ้วนแล้ว ปัจจุบัน ไทเกอร์ มีเครือข่ายจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ถึง 3 ช่องทางหลักๆ ได้แก่ จำหน่ายผ่านดีลเลอร์ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ, ใช้เครือข่ายของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้เครือข่ายการขายตรงของซิงเกอร์ ซึ่งทั้ง 3 ช่องทางที่มีอยู่ทำให้ ไทเกอร์ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าและพื้นที่การขายได้อย่างครบถ้วน
"ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 88,000 คัน เพื่อจะได้ขยับส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็น 5% ของตลาดรวมทั้งหมด โดยยอดขายไตรมาสแรกเราพลาดเป้าไปเล็กน้อย ตั้งไว้ที่ 18,000 คัน แต่ทำได้เพียง 16,000 คัน เนื่องจากผลิตป้อนไม่ทัน แต่อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับปีที่แล้วเราโตขึ้นเกือบ 60% ทั้งนี้ไตรมาสที่ 2 จะต้องเร่งมือโหมกิจกรรมให้มากขึ้น โดยคาดว่าน่าจะทำได้สูงถึง 22,000 คัน ส่วนไตรมาสที่ 3 น่าจะขยับไปได้ถึง 24,000 คัน"
กรรมการผู้จัดการ ไทก้า มอเตอร์เซลส์ กล่าวเพิ่มเติมถึงโปรดักต์ใหม่รถสี่ล้อไฟฟ้าอเนกประสงค์ รุ่น Quad Elektra ว่า กำลังเป็นที่สนใจของตลาด บริษัทเพิ่งเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ผ่านมา ปรากฏว่าขายได้เกือบ 100 คัน ลูกค้าส่วนใหญ่นำไปใช้ในโรงงานหรือตามบ้านจัดสรรทั่วไป
"เรียกว่าตอนนี้ทำไม่ทันขาย ยิ่งช่วงสงกรานต์ลูกค้าซื้อไปเป็นของขวัญให้ผู้หลักผู้ใหญ่กันเยอะ ราคาของเราค่อนข้างได้เปรียบ ที่สำคัญใช้ไฟฟ้า โดยมีฮับมอเตอร์แบบดิจิทัลอยู่ที่ล้อ ถือว่าเป็นเดอะนิวเจเนอเรชั่นก็ว่าได้ เราตั้งเป้าขายเดือนละประมาณ 100 คัน คาดว่าจะเป็นอีกกลุ่มสินค้าหนึ่งที่ทำรายได้ดี อนาคตจะมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มแรงบิดและระบบขับเคลื่อนเพื่อเจาะตลาด สนามกอล์ฟ โรงพยาบาล ฯลฯ"
เพียงแต่ตลาดนี้ค่อนข้างหิน เนื่องจากมีคู่แข่งหลายรายและตลาดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการนำรถเก่าเข้ามารีคอนดิชั่น ซึ่งหากจะให้ได้ผลจริงจำเป็นต้องสร้างจุดขายใหม่ให้ลูกค้ายอมรับ ทั้งนี้บริษัทได้ทำการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการทำฮับมอเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง เร็วๆ นี้อาจจะได้เห็นทั้งในรูปแบบสามล้อ และสองล้อ ซึ่งสามล้อเอเปกที่เคยสร้างชื่อให้กับบริษัทมาแล้วเมื่อคราวประชุมผู้นำโลก ก็สามารถนำมาใส่ฮับมอเตอร์ด้านหน้าในลักษณะนี้ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวคิดที่จะทำมอเตอร์ไซค์ไฮบริด นายปิติกล่าวว่า ปีหน้าคงมีโอกาสได้เห็นทุกอย่างอยู่ในกระบวนการทดสอบและพัฒนา ปัญหาเรื่องการจดทะเบียนซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบกกำลังดำเนินการปรับปรุง เท่าที่ทราบจะมีการแก้ไขให้ไปเข้าในหมวดของรถที่มีความเร็วต่ำ ตรงนั้นก็จะได้สิทธิพิเศษเรื่องภาษี ทำให้ต้นทุนต่ำลง โอกาสที่คนจะเป็นเจ้าของรถก็ง่ายขึ้น ที่ผ่านมาคู่แข่งเราพยายามจะเอามาทำตลาดแต่ด้วยราคาที่ยังสูงทำให้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
"มีหลายคนที่เราคิดว่าไม่สนใจทำตลาดเอทีวีบางหรือ จริงๆ ทุกอย่างอยู่ในแผนแต่ว่าตลาดเอทีวีไม่ค่อยน่าสนใจเท่าที่ควร ส่วนใหญ่อยู่กับพวกท่องเที่ยว ลองเปรียบเทียบเอทีวีกับสี่ล้อไฟฟ้าอเนกประสงค์ชิ้นส่วนน้อยกว่ากันเกือบเท่าตัว ตลาดเอทีวีใหญ่สุดอยู่ที่อเมริกาในยุโรปก็ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ซึ่งตอนนี้เขาพัฒนามาเป็นควอดไซเคิล เป็นแบบรถสี่ล้อใช้เครื่องมอเตอร์ไซค์ 250 ซีซี อนาคตอันใกล้นี้จะเกิดเซ็กเมนต์ใหม่ซึ่งจะเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 5% เท่านั้น"
ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายเก็บรถเก่า 2 จังหวะออกจากตลาด โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้านำรถเก่ามาแลกรถคันใหม่ ซึ่งทำรวมกับกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปิติกล่าวว่าคืบหน้าไปมาก ตอนนี้ได้พยายามกระจายจุดรับแลกรถเก่าไปทั่วทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ถึงวันนี้มีลูกค้าสนใจแล้วกว่า 1,000 ราย ทีมงานและเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเอกสารและรายละเอียดต่างๆ ที่ผ่านไปแล้วประมาณ 300 ราย ล่าสุดนี้มีตัวแปรเพิ่มเติมเข้ามาอีกโดยกรมการขนส่งทางบกกำลังจะบังคับให้มีการจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ให้เป็นป้ายเหลืองเพื่อแยกความชัดเจนระหว่างรถรับจ้างกับรถส่วนบุคคล
"ถ้าผมจำไม่ผิดวันที่ 9 กันยายนปีนี้น่าจะเริ่มใช้ ปัญหาคือรถที่เราให้แลกซื้อคันใหม่เป็นรุ่น 200 ซีซี แต่เงื่อนไขมอเตอร์ไซค์รับจ้างแบบป้ายเหลืองกำหนดไม่เกิน 125 ซีซี ทำให้เราต้องกับมาทบทวนแผนใหม่ ซึ่งเร็วๆ นี้ก็จะทำรุ่น 125 ซีซีให้แลกซื้อด้วย"
ส่วนประเด็นที่ค่ายอื่นๆ ไม่ให้ความสนใจกับโครงการนี้ ตนเองไม่มีคอมเมนต์ซึ่งแต่ละบริษัทคงมีข้อจำกัดของเขาเอง แต่เท่าที่ทราบจากกรมควบคุมมลพิษแต่ละรายก็กำลังทบทวนแผนเพราะนโยบายนี้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมโดยตรง