กรมขนส่งฯ ทุ่มงบ 32 ล้าน พัฒนาระบบทดสอบ E-exam เน้นความโป่รงใส ประเดิมใช้ 11 ส.ค.นี้ในเขตกรุงเทพฯ อนาคตเตรียมขยายไปสู่ต่างจังหวัด
พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการ "การยกระดับการทดสอบภาคทฤษฎีด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์"หรือ E-exam ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า การใช้ระบบ E-exam มาทำการทดสอบกับผู้ที่ขอรับใบอนุญาตขับรถเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความไม่โปร่งใสในการทำงาน ซึ่งจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผู้ที่จะมาทำการทดสอบจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และเข้าใจในเรื่องของการจราจร เพราะไม่สามารถทราบได้ว่าข้อทดสอบที่จะปรากฏอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จะมีคำถามอย่างไรบ้าง และแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะมีข้อทดสอบที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากการใช้ระบบ E-exam มาทำการทดสอบกับผู้ที่ขอรับใบอนุญาตขับรถได้รับการตอบที่ดี รัฐบาลก็จะพิจารณาหางบประมาณในการขยายระบบ E-exam ให้ครอบคลุมทั่วประเทศในอนาคต
"โครงการดังกล่าวในระยะแรกเน้นในเขตกรุงเทพฯ เป็นหลัก และถือโอกาสเป็นโครงการทดรอง หากประสบความสำเร็จทางกระทรวงก็จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพื่อขยายไปสู่ต่างจังหวัด โดยเริ่มแรกนั้นใช้งบประมาณ 32 ล้าน หากจะขยายต่อไปต่างจังหวัดต้องใช้อีกหลายร้อยล้านบาท" พล.อ.ชัยนันท์กล่าว
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่มาขอรับใบอนุญาตขับรถในเขตกรุงเทพฯ ให้มีมาตรฐานมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาได้ประสบปัญหาในการดำเนินการไม่สามารถปรับปรุงข้อสอบให้มีความทันสมัย เพราะเป็นข้อสอบที่จัดพิมพ์ขึ้นเป็นชุดข้อสอบ และใช้ในการทำทดสอบทั่วประเทศ อีกทั้งในการตรวจข้อทดสอบก็ไม่มีความรวดเร็วในการแจ้งผล ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในความโปร่งใส นอกจากนี้ผู้ที่อ่านหนังสือไม่ออกก็จะต้องรอรับบริการจากเจ้าหน้าที่ในการอ่านให้ฟัง ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ให้บริการไม่เพียงพอ
ดังนั้น กรมการขนส่งฯ จึงได้ใช้งบประมาณจำนวน 32 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบ E-exam มาช่วยในการทดสอบผู้ที่ขอรับใบอนุญาตขับจะสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังแสดงถึงความโปร่งใสในการทดสอบ เนื่องจากข้อทดสอบจะมีทั้งสิ้นประมาณ 1,700 ข้อ ซึ่งจะสุ่มมาทำการทดสอบจำนวน 30 ข้อ และการสุ่มข้อทดสอบแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ ผู้ทดสอบจะสามารถเลือกกดได้ด้วยตนเอง
ระบบคอมพิวเตอร์จะบันทึกผลการทดสอบเข้าเป็นฐานข้อมูลเพื่อนำมาอ้างอิงตรวจสอบในภายหลัง รวมทั้งสามารถพิมพ์ผลการทดสอบ และเฉลยคำตอบที่ไม่ถูกต้องให้ทราบได้ทันที โดยชุดทดสอบมี 4 ภาษาให้เลือก คือ ไทย อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น พร้อมมีระบบเสียงแนะนำวิธีทำข้อทดสอบ และอ่านให้ฟังสำหรับผู้ที่อ่านภาษาไทยไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบการเรียนรู้ก่อนการทดสอบ (E-learning) สำหรับผู้เข้ารับการทดสอบอีกด้วย
นางราตรี ตันติ์ทวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ กล่าวว่า การทดสอบผู้ที่ขอรับใบอนุญาตขับด้วยระบบ E-exam จะมีให้บริการในกรุงเทพฯ โดยในส่วนใบอนุญาตขับขี่ส่วนกลาง จำนวน 80 เครื่อง และสำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 1 บางขุนเทียน, สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 2 ตลิ่งชัน, สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 3 พระโขนง และสำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 4 หนองจอก อีกสำนักงานเขตละ 40 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 240 เครื่อง ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2548 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การทดสอบระบบ E-exam จะใช้ทดสอบกับผู้ที่ขอรับใบอนุญาตขับจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคล โดยจะคิดอัตราค่าธรรมเนียมตามปกติคือ ใบอนุญาตขับจักรยานยนต์ชั่วคราว ราคา 55 บาท และใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ราคา 105 บาทเท่านั้น