ฮอนด้า ชี้รถจักรยานยนต์อิ่มตัวไม่แปลก ทำใจรับสภาพซึมยาวอีก 2-3 ปี แต่มั่นใจยอดขายยังเป็นไปตามเป้า 1.45 ล้านคัน
นายอรรณพ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2548 ที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 1% เท่านั้น ถือเป็นอัตราการเติบโตปกติของตลาดที่เริ่มอิ่มตัว ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับเป้าหมายยอดจำหน่ายที่ผู้ประกอบการคาดว่าจะเติบโตที่ประมาณ 0-5% ในปีนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะแปลกใจอะไรนัก
ทั้งนี้ คาดว่ายอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์จะไม่เติบโตมากนักอย่างต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการปรับตัวทั้งในเรื่องของตัวสินค้าและแผนงานทางด้านต่างๆ แต่ก็คาดว่าหลังจากผ่านช่วงนี้ไปแล้ว สถานการณ์ต่างๆ คงดีขึ้น และอัตราการเติบโตของรถจักรยานยนต์ก็คงกลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้งหนึ่ง
"เป็นเรื่องปกติของตลาดรถจักรยานยนต์ที่อิ่มตัว เพราะที่ผ่านมาการเติบโตของรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยสูงมาก จนเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องหยุดชะลอตัวกันบ้าง และจะเป็นอย่างนี้ไปสักระยะ แต่เมื่อมีสินค้าใหม่ๆ หรือการจัดกิจกรรมอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ตลาดก็จะกลับมารับรู้กันอีกครั้ง และจะกลับมาเติบโตในภาวะปกติ"
ทั้งนี้ ฮอนด้าตั้งเป้ายอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยในปีนี้ที่ 1.45-1.5 ล้านคัน จากตลาดรวม 2.1 ล้านคัน ซึ่งหากทำได้ก็จะมีการ เติบโตขึ้นเล็กน้อย จากยอดจำหน่าย 1.42 ล้านคันในปี 2547 ที่ผ่านมา สำหรับแผนงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเน้นไปที่การจัดกิจกรรมเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า รวมถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดของสินค้าและช่วงเวลาในการเปิดตัวได้
นอกจากนี้ บริษัทจะเร่งมือในเรื่องของการพัฒนาสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น โดยเฉพาะความต้องการในเรื่องการประหยัดน้ำมัน ซึ่งในปัจจุบันรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าจะประหยัดน้ำมันมากกว่ารุ่นเดิมเฉลี่ยที่ 6% และบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อให้ได้รถจักรยานยนต์ที่ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 13% ภายในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้
ด้าน นายเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ มองว่า การที่ตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้จะเติบโตไม่มากนั้น ไม่น่าจะเป็นผลมาจากตลาดอิ่มตัว เนื่องจากอัตราการถือครองของประชาชนในประเทศไทยอยู่ที่ 3.8 คนต่อ 1 คันเท่านั้น แต่การไม่เติบโตน่าจะมีผลมาจากการดึงกำลังซื้อในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ ไม่ค่อยดี ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและผลกระทบจากภัยธรรมชาติในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทำให้กำลังซื้อของประชาชนกลุ่มนี้ลดน้อยลงไป
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ก็คงจะเติบโตต่อไป แต่ต้องอาศัยปัจจัยทางด้านอื่นๆ มาประกอบมากขึ้น ทั้งเรื่องของตัวสินค้าและภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งก็ไม่น่าจะคาดหวังการเติบโตในระดับเดียวกับปีที่ผ่านๆ มาได้อีกแล้ว
"ผลกระทบเยอะมากปีนี้ ปีที่ผ่านมาไฟแนนซ์ปล่อยรถง่ายเกินไป คนเลยแห่ไปซื้อกันเยอะมาก แล้วที่ผ่านมาเศรษฐกิจลบหมด ดอกเบี้ยก็ขึ้น ราคาน้ำมันขึ้น ทุกอย่างกระทบกำลังซื้อให้ลดลงไป ตลาดที่เหลือของปีก็คงจะโตน้อย เพราะกฎหมายใหม่ที่กำลังจะออกมาว่าห้ามยึดรถหรือหักจากรายได้ในกรณีที่รายรับต่ำกว่า 1 หมื่นบาท จะทำให้ ไฟแนนซ์ต้องระวังกันมากขึ้น ทำให้ปล่อยรถกันยากขึ้น ซึ่งก็คงจะมีผลกับยอดขายในช่วงที่เหลือมากพอสมควร"