ยามาฮ่า ชี้ตลาดสองล้อปี 2549 ถึงคราวพลิกโฉม ทั้งยอดขายหดตัวและปรับสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติก เร่งเทงบ 1,100 ล้าน ปรับไลน์พร้อมสร้างโรงสีใหม่รับมือการแข่งขันรุนแรง
นายโทโมทากะ อิชิกาว่า กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยที่เริ่มชะลอตัวในปีนี้ จะเริ่มหดตัวอย่างชัดเจนในปี 2549 โดย เป็นผลกระทบหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัว ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อความสามารถและการตัดสินใจในการซื้อของลูกค้ารถจักรยานยนต์
นอกจากการหดตัวของตลาดแล้ว สิ่งที่จะเห็นอย่างชัดเจนก็คือ การที่ตลาดรถจักรยานยนต์จะพลิกโฉมหน้า โดยรถจักรยานยนต์ที่ใช้เกียร์ออโตเมติกจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น จากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของผู้ประกอบการรายใหญ่ในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของรถจักรยานยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติขยายตัวเพิ่มขึ้นจากที่มีแชร์อยู่ 10-12% ในปัจจุบัน เป็นไม่น้อยกว่า 40% ในปีหน้าอย่างแน่นอน ตามการคาดการณ์ของ ยามาฮ่า
ทั้งนี้ การที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ เข้ามาในตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติมากขึ้น จะส่งผลทำให้ตลาดขยายตัว แต่ก็จะทำให้มีคู่แข่งในตลาดมากขึ้น และก่อให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับการแข่งขันในตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติ
"เรามองว่าตลาดเกียร์อัตโนมัติน่าจะมียอดจำหน่ายราว 7 แสนคันในปี 2549 ซึ่งสำหรับเราก็คงต้องเตรียมพร้อมจากการแข่งขันที่จะสูงขึ้น ซึ่งเราเองทุกวันนื้ก็เป็นผู้ผลิตรายแรกที่นำรถเกียร์ อัตโนมัติมาเปิดตัวให้กับลูกค้า ซึ่งในปีหน้าเราก็คงทำการตลาดเต็มที่ โดยคาดว่าน่าจะมียอดขายในส่วนของเกียร์อัตโนมัติไม่น้อยกว่า 3.5 แสนคัน"
นายอิชิกาว่า กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมในการแข่งขันในปีหน้า ทาง ยามาฮ่า ได้ลงทุนเพิ่มกว่า 1,100 ล้านบาท สร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่ รวมถึงการปรับไลน์การผลิตรถจักรยานยนต์ให้เน้นไปที่การผลิตรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติมากขึ้น โดยในปัจจุบันไลน์การผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีอยู่ 3 ไลน์จะใช้ในการผลิตรถเกียร์อัตโนมัติ 2 ไลน์ นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีการศึกษาการปิดไลน์การผลิตรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดาอีกด้วย เพื่อเน้นการทำตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติเพียงอย่างเดียวในประเทศไทย
สำหรับกำลังการผลิตที่มีอยู่ 6 แสนคันในปัจจุบันนั้น ปัจจุบันผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย 4 แสนคัน และเพื่อการส่งออก 2 แสนคัน โดยไม่มีแผนการที่จะปรับเพิ่มแต่อย่างใด เนื่องจากกำลังการผลิตเพื่อส่งออกไปที่ตลาดอินโดนีเซีย ในปีหน้าจะมีการปรับเป็นการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศ เนื่องจากโรงงานที่อินโดนีเซียจะมีการเพิ่มกำลังการผลิต เป็นเหตุให้ไม่ต้องนำเข้าเครื่องยนต์จากในประเทศไทย และทำให้กำลังการผลิตที่เหลือสามารถรองรับความต้องการในประเทศที่จะเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นตลาด ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของ ยามาฮ่า ในปัจจุบันนี้