แพล็ททินัม จักรยานยนต์จีน เปิดศึกเดือดผูกขาดตลาดโครงการรัฐขายรถลูกค้า กทม.กลุ่มสหกรณ์และคุรุสภา ประเดิมครู 4 หมื่นแห่งทั่วประเทศในราคาคันละ 3 หมื่นบาท จับมือแบ็งค์ทหารไทยปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อผ่อนชำระ 1 พันบาทต่อเดือน ดอกเบี้ย 8% พร้อมเจรจาแบ็งค์ออมสินเพิ่มทางเลือกให้คนรายได้ต่ำเช่าซื้อดอกเบี้ย 1% ด้านเจ้าตลาด ฮอนด้า ไม่หวั่นจัดกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศชิงเงินรางวัลมูลค่า 3 แสน ซื้อรถไม่ต้องใช้เงินสดรูดบัตรอิออน-เครดิตทุกประเภท ได้ทันที
การหดตัวของตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฏาคมของปีนี้ เป็นตัวชี้วัดถึงการชะลอการตัดสินใจซื้อรถได้อย่างชัดเจน เพราะการเพิ่มหรือลดของยอดขายรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นกำลังซื้อก้อนใหญ่ ครอบคลุมกลุ่มคนตั้งแต่ระดับรากหญ้าถึงชนชั้นกลางที่มียอดขายไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคัน เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ค่ายผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ต้องเร่งแข่งขันกันในช่วงโค้งสุดท้าย การเจาะตลาดกลุ่มข้าราชการพนักงานคุรุสภาในสถานศึกษาต่างๆ ที่มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ซึ่งฐานตลาดตรงนี้แต่เดิมเคยเป็นฐานสำคัญของ ฮอนด้า และ ยามาฮ่า เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
นายสมนึก วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพล็ททินัม มอเตอร์ เซลส์ จำกัด เปิดเผยถึงการเจาะเข้าตลาดคุรุสภาของ แพล็ททินัม รถจักรยานยนต์จีนว่า ขณะนี้บริษัทได้เข้าร่วมประมูลรถในโครงการของภาครัฐซึ่งมีทั้ง กทม., กลุ่มสหกรณ์, มหาดไทย, คุรุสภา โดยใช้เงื่อนไขราคาถูก ชิงกับคู่แข่งที่เข้าร่วมประมูล และสามารถชนะการประมูลเป็นผู้จำหน่ายรายเดียวที่ขายรถจักรยานยนต์ให้กับโครงการของรัฐบาลทั้ง 3 โครงการ
โครงการแรกที่บริษัทจะเริ่มดำเนินการ คือ ขายรถให้โครงการสินเชื่อรถจักรยานยนต์เพื่อสมาชิกคุรุสภาและบุคลากรทางการศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่มีการร่วมมือกับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนสินเชื่อเพื่อซื้อจักรยานยนต์ แพล็ททินัม ในวงเงินอนุมัติเท่ากับราคาซื้อขายรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่ 30,000 - 70,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 8% ต่อปี มีระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 3 ปี และ มีบริษัท เมืองไทย ประกันภัย จำกัด เป็นผู้รับประกันภัยชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ธนาคาร และมี สกสค.เป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติผู้กู้พร้อมกับประสานงานอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกในสังกัด
สำหรับความร่วมมือดังกล่าวคาดว่าจะขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มครูทั่วประเทศ และในเบื้องต้นธนาคารทหารไทยได้ตั้งเป้าหมายสำหรับสินเชื่อของโครงการดังกล่าวไว้จำนวน 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนรถจักรยานยนต์จำนวน 25,000 คัน และคาดว่าในอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือไปยังธนาคารออมสิน เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในระดับรากหญ้า ซึ่งได้มีการเจรจาเพื่อขอให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อที่ประชาชนทั่วไปจะสามารถเป็นเจ้าของจักรยานยนต์ได้
นายสมนึก กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในภาวะชะลอตัว แนวโน้มของตลาดรถจักรยานยนต์นับจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี คาดว่าตลาดรวมยอดขายไม่น่าจะตกลงมาก เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงต้องเดินทาง ในส่วนของ แพล็ททินัม มองว่าได้ประโยชน์จากน้ำมันแพง เพราะผู้บริโภคบางส่วนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการขับรถยนต์ก็หันมาเลือกใช้จักรยานยนต์ ซึ่งประหยัดกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากตัวเลขยอดขายของช้อปเปอร์และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีเพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจว่าตลาดยังคงจะไปได้อย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบัน แพล็ททินัม มียอดขายเดือนละ 10,000 คัน และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีตัวเลขยอดขายจะอยู่ที่ 30,000 - 50,000 คัน
ในเดือนนี้บริษัทก็ได้มีการส่งออกรถจยย.ล็อตแรกไปยังกัมพูชา จำนวน 1,500 คน และ ลาว 500 คัน นอกจากนั้นแล้วยังมีออร์เดอร์ที่ไม่สามารถผลิตได้ทันอีกกว่า 100,000 คันส่งผลให้ในปีหน้า บริษัทต้องมีการปรับโฉมรถใหม่ 5 รุ่นด้วยกัน แบ่งออกเป็น รถประเภทสปอร์ต 1 รุ่น, ช้อปเปอร์ 2 รุ่น และ สกู๊ตเตอร์ 2 รุ่น โดยคาดว่ารถที่ออกมาใหม่จะเป็นที่ถูกใจและสามารถรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผุ้บริโภค ที่คาดว่าตัวเลขยอดขายในปีหน้าจะสามารถขายได้กว่า 300,000 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มกว่า 10%
นอกจากนั้นแล้ว ในต้นปีหน้าจะมีการเปิดโชว์รูมแบบครบวงจรขนาดใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดสงขลา "ปัจจุบัน แพล็ททินัม มีรถออกมาจำหน่ายกว่า 23 รุ่น ซึ่งทุกรุ่นได้รับความนิยมเท่าๆ กัน ยกตัวอย่างภาคเหนือกับภาคใต้จะนิยมรถช้อปเปอร์ ส่วนภาคอีสานก็จะเน้นรถสปอร์ต กรุงเทพและปริมณฑล จะเน้นหนักไปที่สกู๊ตเตอร์ และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ส่วนในปีหน้าก็จะมีรถใหม่อีก 5 รุ่น แต่จะเป็นการเปลี่ยนโฉมนิดหน่อย แต่ในกรณีที่ลูกค้าสนใจรถในรุ่นเก่าก็ยังคงมีการผลิตออกมาขาย
"นอกจากนี้ในปี 2550 บริษัทมีแผนที่จะนำ บริษัทแพล็ททินัม มอเตอร์ เซลส์ เข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น โดยจะมีการผลิตและประกอบรถปิกอัพขนาด 1 ตัน จำนวน 2 รุ่น ภายใต้ชื่อ แพล็ททินัม และจะมีการทำการตลาดในรูปแบบเดิม คือ ราคาของรถปิคอัพจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาทต่อคัน
ด้านความเคลื่อนไหวของ ฮอนด้า ซึ่งเป็นเจ้าตลาดรถจักรยานยนต์นั้น หลังจากได้จัดงานฉลองครบรอบ 40 ปี กลุ่มฮอนด้าในประเทศไทย ก็ได้มีการจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาด "Z...สนั่นเมือง" ที่จะมีขึ้นใน 10 จังหวัดในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยผุ้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถเข้าร่วมได้ด้วยการนำรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ แซด มาแต่งในสไตล์ของตัวเองชิงรางวัลมูลค่า 3 แสนบาท และซื้อรถผ่านบัตรอิออนและบัตรเครดิตโดยไม่ต้องใช้เงินสด
สำหรับยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมทุกยี่ห้อ ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2548 มียอดรวม 1,205,512 คัน เพิ่มจากปีก่อนหน้าซึ่งมียอดจำหน่ายรวมที่ 1,194,857 คัน เพิ่มขึ้น 10,655 คัน ในอัตรา 1% แต่อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาตลาดรวมได้รับผลกระทบจากช่วงฤดูฝนทำให้ยอดจำหน่ายลดลงจากจำนวน 183,038 คันในเดือนมิถุนายน เหลือ 167,259 คัน ในเดือนกรกฎาคม