หลังจาก โทโมทากะ อิชิกาวา เข้ามารับบทบาทในฐานะประธานกรรมการบริหาร (CEO) บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2542 กับภาระหนี้สินรุมเร้า จากที่เคยมียอดขายเบียดกับเจ้าตลาด กลับหล่นวูบลงสู่ตำแหน่งรั้งท้าย เหลือส่วนแบ่งในตลาดเพียง 4-5% เท่านั้น ทำให้หลายฝ่ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน "ไปไม่รอด"
วันนี้ซีอีโอคนนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หลังจากเข้ามาสวมบทบาทแม่ทัพใหญ่ของ ไทยยามาฮ่า และได้รับการสนับสนุนจากยามาฮ่ามอเตอร์ประเทศญี่ปุ่น กระทั่งสามารถกลับสู่ความเป็นผู้นำอันดับ 2 ของตลาดรถจักรยานยนต์ไทย และพร้อมที่จะก้าวไปอย่างมั่นคง
ประชาชาติธุรกิจได้สัมภาษณ์ โทโม ทากะ อิชิกาวา หลังจากหมดวาระการทำงานในประเทศไทย และกำลังจะไปรับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศอินเดีย
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากวันที่เข้ามารับตำแหน่ง
ถึงวันนี้ต้องถือว่า ยามาฮ่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากที่เราเคยเผชิญปัญหาในอดีต และสามารถพลิกฟื้นกลับมายืนอยู่ในตลาดรถจักรยานยนต์ได้อีกครั้ง หลังจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นเข้ามาถือหุ้น 60-70% และการก้าวเดินไปข้างหน้าครั้งนี้ ทุกคนมั่นใจว่าจะเป็นก้าวอย่างมั่นคง ทั้งขวัญและกำลังใจพนักงานดีขึ้นมาก ทุกคนพร้อมและมีใจที่ก้าวไปด้วยกัน เราได้ปรับปรุงการทำงานใหม่หมด เพื่อให้พร้อมที่จะแข่งขัน
อะไรคือปัจจัยหลัก
สิ่งแรกที่เรามุ่งให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือ "คน" เราต้องพยายามทำความเข้าใจกับพนักงาน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่น เราเน้นเสริมสร้าง kando หรือการเข้าถึงจิตใจคน โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างความพอใจให้กับลูกค้าสูงสุด โดยใช้ความกระตือรือร้นและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างสรรค์ให้ชีวิต
พอใจกับการทำงานที่ผ่านมาแค่ไหน
ผลงานที่ผ่านมาของ ยามาฮ่า นั้น มาจากความร่วมมือร่วมใจของทีมผู้บริหารทั้ง 12 คน ทั้งผู้บริหารชาวไทย และผู้บริหารชาวญี่ปุ่น ที่ช่วยกันคิดและตัดสินใจ ซึ่งผลงานตลอดระยะเวลา 4 ปีนี้ เราถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดีเกินคาด อยู่ในระดับที่สูงถึง 120%
เราต้องการสร้างให้พนักงานและบุคลากรของ ไทยยามาฮ่า ทุกคนมีความสามารถในการทำงานได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะต้องลดการพึ่งพาคนญี่ปุ่นให้น้อยลง ดังนั้น เราถึงมุ่งเน้นการสร้างศักยภาพให้กับบุคลากร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงาน รวมถึงการสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจ สร้างบรรยากาศบริษัทที่ส่งเสริมความภูมิใจในตัวเอง
ผลจากความร่วมมือของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคน ทำให้ ยามาฮ่า สามารถเผชิญและฝ่าวิกฤตในช่วงของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวันนี้เราได้ช่วยกันพลิกฟื้นและกลับมายืนในตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยได้อย่างสมศักดิ์ศรี ด้วยส่วนแบ่งในตลาดที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่อันดับ 2 ด้วยสัดส่วน 23% ของตลาดรวม แซงหน้าผู้นำอันดับ 2 เดิมได้อย่างราบคาบ
รถรุ่นไหนที่ทำให้ ยามาฮ่า กลับมาได้อีกครั้ง
คงต้องยกความดีให้กับ "ยามาฮ่านูโว" ซึ่งโปรดักต์ตัวนี้เราใช้เวลาพัฒนามากกว่า 3 ปี เป็น การพัฒนาร่วมกันถึง 3 ประเทศ ทั้งไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นโครงการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนระหว่างกันด้วย ทำให้ต้นทุนในการผลิตเราต่ำสามารถแข่งขันในตลาดได้ค่อนข้างดี
คู่แข่งเตรียมส่งรถออโตเมติกลงตลาด
การเข้ามาจับตลาดของรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติของผู้นำตลาดอย่าง ฮอนด้า ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตาอย่างยิ่ง และปัจจุบันค่ายรถต่างๆ เริ่มให้ความสนใจและเข้ามาขอส่วนแบ่งเพิ่มมากขึ้น อย่างล่าสุด ซูซูกิ เองก็เพิ่งเปิดตัวรถจักรยานยนต์ ออโตเมติกเช่นกัน ปีหน้าที่ผู้นำตลาดอย่าง ฮอนด้า จะลงมาเล่นตรงนี้ ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวแต่อย่างใด เพราะ ยามาฮ่า ก็มีจุดยืนของเราเอง และเราก็พร้อมที่จะรับมืออยู่แล้ว
วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อรถของคนไทย
ในเรื่องราคาจำหน่าย ผมเชื่อว่ายังเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ลูกค้าคนไทยจะแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคนี้ เริ่มมองที่ตัวสินค้ามากขึ้น ชอบความแปลกใหม่ ท้าทาย และพร้อมจะเลือกนวัตกรรมใหม่ ตรงนี้เป็นข้อมูลที่สำคัญ ที่ทำให้เราไม่จำเป็นต้องเดินตามคู่แข่งสำหรับการออกสินค้าราคาถูก
พูดถึงผู้บริหารคนใหม่
สำหรับ "ทากาฮิโกะ โกอัน" ประธานกรรมการบริหาร (CEO) คนใหม่ มาจากสายมาร์เก็ตติ้ง ดูแลตลาดในเอเชีย และทุกๆ ที่ที่มีโรงงานของ ยามาฮ่า อยู่ ทั้งในจีน ญี่ปุ่น ปากีสถาน อเมริกา เป็นต้น ซึ่งเมื่อเข้ามารับหน้าที่ดูแลตลาดเมืองไทยแล้ว เชื่อว่าจะมีแผนในการเข้ามาบริการตลาดในเมืองไทย โดยเฉพาะการทำงานในส่วนต่อขยายมากกว่า เพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่าเข้าไปในหลายด้าน ซึ่งน่าจะ เป็นการเพิ่มเติมสำหรับ ยามาฮ่า เมืองไทย แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแน่นอน