ฮอนด้า ชี้ตลาดรถจักรยานยนต์เจอมรสุมรอบด้าน ส่งผลตลาดปีนี้โตแค่ 3% ยอดขายแค่ 2.1 ล้านคัน ชี้ปีหน้าหากผลกระทบต่อเนื่องตลาดคงไม่โต เตรียมส่งรถเอทีต้นปีหน้าเสริมตลาดรถเกียร์อัตโนมัติหวังดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อมเพิ่มแอดวานซ์ ช็อปครบ 200 แห่งในปีหน้า ระบุยังไม่จำเป็นต้องขยายโรงงานในตอนนี้เพราะกำลังการผลิตยังเพียงพอ
นายโมโตฮิเดะ ซูโดะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า เปิดเผยว่าจากผลกระทบทางด้านราคาจำหน่ายน้ำมันที่สูงขึ้น สถานการณ์ความไม่สงบชายแดนภาคใต้ รวมถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ตลาดรถจักรยานยนต์โดยรวมปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ไม่สูงมากนัก โดยถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะมียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมทั้งสิ้น 2.1 ล้านคันหรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพียง 3% เท่านั้น
“ยอดขายรถจักรยานยนต์โดยรวมในปีนี้ไม่ค่อยมีอัตราการเติบโตมากนัก เนื่องจากสภาวะตลาดในปีนี้ประสบกับปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องของน้ำท่วมที่ปีนี้เกิดเหตุหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งมีผลกระทบกับตลาดรถจักรยานยนต์โดยตรงและทำให้ตลาดชะลอตัวลงไปมาก แต่ถึงอย่างไรเมื่อดูจากยอดขายโดยรวมแล้วก็ยังคงเป็นที่พอใจเพราะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น”
และถ้าหากสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป
บริษัทคาดว่ายอดจำหน่ายของรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยจะไม่เติบโตขึ้นสูงกว่าปีนี้แน่นอน โดยน่าจะมียอดจำหน่ายไม่เกิน 2.1-2.25 ล้านคันเท่านั้น หากจะมีอัตราการเติบโตก็น่าจะไม่เกิน 7% โดยฮอนด้ามีเป้าหมายที่ยอดจำหน่ายในปีหน้ารวมทั้งสิ้น 1.5 ล้านคัน และคิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้นจากยอดจำหน่ายที่ทำได้ในปีนี้ที่ 1.43 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วน 5% แม้จะเป็นสัดส่วนการเติบโตที่น้อยแต่หากเปรียบเทียบการการเติบโตของตลาดโดยรวมแล้วก็ถือได้ว่าเป็นสัดส่วนที่น่าพอใจ
สำหรับแผนงานในปีหน้านั้น ฮอนด้าจะทำการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ เกียร์อัตโนมัติหรือรถในกลุ่มเอที ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ทางบริษัทเล็งเห็นว่าตลาดรถเกียร์อัตโนมัติ กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมานั้นทางฮอนด้าเองก็ยังไม่เคยทำตลาดรถประเภทนี้ จึงเตรียมที่จะเปิดตลาดรถในเซกเมนต์ใหม่ เพื่อเข้ามาเสริมไลน์สินค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยจะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางในวันที่ 12 มกราคม 2549 ที่จะถึงนี้ และบริษัทเชื่อว่าเมื่อฮอนด้าเข้ามาทำตลาดรถกลุ่มนี้อย่างจริงจัง จะทำให้รถในกลุ่มเอทีขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่ารถในกลุ่มเอทีนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 30% จากตลาดรถจักรยานยนต์โดยรวมในปีหน้า
โดยในปีนี้สัดส่วนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 15-20% เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มของรถครอบครัวซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด ปัจจุบันเริ่มหันมาใช้รถเกียร์อัตโนมัติกันมากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบายมากกว่า จึงเชื่อว่าตลาดรถกลุ่มเอทีนี้จะต้องเติบโตอย่างต่อเนื่องแน่นอน
นอกจากนี้ฮอนด้ายังมีแผนในการพัฒนาเครือข่ายการจำหน่ายและยกระดับร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า CSI Shop สู่ร้าน Advanced CSI Shop ภายใต้แนวคิดของการบริการที่สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ทุกระดับ โดยขณะนี้มีศูนย์ดังกล่าวอยู่แล้ว 50 แห่ง โดยในปีหน้าไตรมาสแรกจะทำให้ครบ 100 แห่ง และครบ 200 แห่งภายในสิ้นปีหน้า
สำหรับการส่งออกรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าในปีนี้ บริษัทมียอดส่งออกรถสำเร็จรูปทั้งสิ้น 3.5 หมื่นคัน และชิ้นส่วนเพื่อประกอบอีกกว่า 4 ล้านชิ้น คิดเป็นมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านบาท โดยในปีหน้าคาดว่าจะมีการส่งออกรถสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 หมื่นคัน เนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะส่งออกเพิ่มขึ้นมา ในส่วนของการขยายโรงงานเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด เนื่องจากกำลังการผลิตที่มีอยู่ 1.5 ล้านคันสามารถรองรับการผลิตจริงได้มากขึ้นอีก 10% หรือกว่า 1.65 ล้านคัน ซึ่งหากดูความต้องการของปี 2549 ที่ฮอนด้าจะมีการผลิตรถในโรงงานแห่งนี้ทั้งสิ้นราว 1.548 ล้านคันแล้ว ก็ยังพอกับความต้องการอยู่ แต่หากไม่เพียงพอทางบริษัทก็มีความพร้อมที่จะขยายไลน์การผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาด