SPSU ไม่รอหวังพึ่งปฏิหารย์ เล็งเปิดตัวรถใหม่ไตรมาสละ 1 รุ่น แก้เกมรายได้-กำไรหด สั่งเพิ่มยอดผลิตรุ่นออโตเมติกไล่บี้ค่าย ยามาฮ่า ยอมรับยอดปี 48 ร่วงไป 15% หลังโดนรุมกินโต๊ะ แถมเจอภัยน้ำท่วมภาคใต้ ฟุ้งปีจอฟันรายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาท
แหล่งข่าวจาก บมจ.เอส.พี.ซูซูกิ หรือ SPSU กล่าวถึงแผนการทำตลาดปี 2549 ว่า บริษัทมีแผนจะเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่อย่างน้อยไตรมาสละ 1 รุ่น เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตในรุ่นเกียร์อัตโนมัติเช่น รุ่นสเตป ให้เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากกำลังการผลิตรวม 4.0 แสนคันต่อปี โดยปัจจุบันสัดส่วนการผลิตรถรุ่นดังกล่าวมีปริมาณไม่มาก ส่วนอีก 70% เป็นกำลังการผลิตรถรุ่นแบบครอบครัว หรือแฟมีลี่
ทั้งนี้ภาพรวมของปี 48 ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายลดลงจากปีก่อน โดยยอดขายรวมในช่วง 11 เดือนลดลงประมาณ 20% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแข่งขันในตลาดรถจักรยานยนต์ที่รุนแรง โดยเฉพาะหลังจากที่ค่าย ยามาฮ่า เปิดตัวรถรุ่นใหม่แบบเกียร์อัตโนมัติ (ออโตเมติก) ออกมาจนได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดดังกล่าวแต่เพียงรายเดียวในตลาด
"ในช่วงไตรมาส 2-4/48 รายได้และกำไรของเราปรับตัวลดลงมาต่อเนื่องเพราะโดน ยามาฮ่า มาแย่งมาร์เก็ตแชร์ไป โดยเฉพาะตลาดออโตเมติก ทำให้มาร์เก็ตแชร์ของเราตกลงมาอยู่ที่อันดับสามจากเดิมอยู่ที่อันดับสอง ปัจจุบันเรามีแชร์อยู่ที่ 9.5% จากเดิม 12.5% ในขณะที่ ยามาฮ่า เขามีแชร์อยู่ที่ 18% จากเดิมอยู่ที่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น" แหล่งข่าว กล่าว
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 4/48 ที่ผ่านมายังได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมลดลง แต่อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทคาดว่าน่าจะกลับมามีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น หลังจากเปิดตัวรถรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น
"ปีนี้เราคิดว่ามาร์เก็ตแชร์จะเพิ่มขึ้นไม่น่าจะต่ำกว่า 12.5% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในช่วงปี 48 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรถมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ 2.5 แสนคัน แต่สิ้นปียอดขายคาดว่าจะอยู่ที่ 2.1 แสนคัน หรือมีรายได้ประมาณ 4,100-4,200 ล้านบาท"
สำหรับการแข่งขันในปีนี้นั้น แหล่งข่าวยอมรับว่า อาจจะไม่รุนแรงเหมือนกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากทุกค่าย เช่น ฮอนด้า และ ซูซูกิ ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่แบบเกียร์อัตโนมัติเข้าสู่ตลาดครบทุกค่าย ซึ่งจะทำให้มาแย่งส่วนแบ่งตลาดของค่าย ยามาฮ่า ที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดแบบ 100%
"ปีนี้ตลาดโดยรวมคาดว่าจะทรงตัว เพราะภาวะตลาดเริ่มอิ่มตัวแล้ว ประกอบการกับการแข่งค่อนข้างรุนแรง จึงเชื่อว่าตลาดไม่น่าจะโตมากคาดว่ายอดขายรวมอยู่ที่ 2 ล้านคันใกล้เคียงกับปี 48 ขณะที่ตลาดรถมอเตอร์ไซค์แบบเกียร์ออโตเมติกอาจจะไม่หวือหวามากนักเหมือนกับปีที่ผ่านมา เพราะทุกค่ายจะมีหมดกันหมด ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ โดยเราคาดว่าหลังจากทุกค่ายเปิดตัวรถเกียร์ออโตเมติกแล้วส่วนแบ่งยอดขายรถรุ่นดังกล่าวจะเพิ่มจาก 14% ในปี 48 เป็น 40% ในปีนี้"
ปัจจัยที่น่ากังวลในปีนี้นั้น แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวว่า เป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะนโยบายของภาครัฐที่มีต่อธุรกิจคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ หรือธุรกิจเช่าซื้อ เช่น การควบคุมอัตราดอกเบี้ย เพราะจะมีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อกับบริษัทไฟแนนซ์ อาทิอิออน และอีซี่บายส์ ทำได้ยากขึ้น และจะส่งผลต่อมายังกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ และรถจักรยานยนต์ ยอดขายลดลงตามไปด้วย
"อยากให้ภาครัฐปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะธุรกิจเช่าซื้อมีการแข่งขันที่รุนแรงอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา เพื่อแย่งลูกค้ากันเอง แต่หากภาครัฐมีการควบคุมอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบกับภาพรวมของกลุ่มธุรกิจทันที"