ค่ายรถจักรยานยนต์จีน เตรียมสยายปีกประกอบรถกระบะขายในไทย เจาะกลุ่มตลาดล่างเน้นราคา แพล็ททินัม ดันรุ่น 1.6 และ 2.0 ลิตร ขายร่วมโชว์รูมรถจักรยานยนต์ ขณะที่ เจอาร์ดี จ่อคิวออกกระบะพันธุ์ใหม่ปีนี้ พร้อมขยายดีลเลอร์รับ
นายสมนึก วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพล็ททินัม มอเตอร์ เซลส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์จากประเทศจีน ภายใต้ยี่ห้อ "แพล็ททินัม (PLATINUM)" เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการผลิตและจัดจำหน่ายรถกระบะยี่ห้อ แพล็ททินัม เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยราวกลางปี 2550 โดยในเบื้องต้นนี้คาดการณ์ว่าจะจำหน่ายรถกระบะเพียง 2 รุ่นคือ ขนาด 1.6 ลิตร เครื่องยนต์เบนซินและขนาด 2.0 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซล โดยจะเน้นกลยุทธ์การทำตลาดราคาต่ำเพื่อบุกตลาดสร้างยอดขาย
ทั้งนี้โรงงานประกอบรถกระบะนั้นจะใช้โรงงานเดียวกับที่ผลิตรถจักรยานยนต์ แพล็ททินัม ซึ่งตอนนี้โรงงานประกอบมีอยู่ 2 แห่งคือ แห่งแรกที่บางประกง ฉะเชิงเทรา เนื้อที่ 25 ไร่ ผลิตและประกอบรถจักรยานยนต์ได้ปีละ 200,000 คัน ส่วนโรงงานแห่งที่สอง มีเนื้อที่ 800 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี มีกำลังผลิตปีละ 500,000 คัน
"นอกจากการประกอบรถกระบะขายในตลาดไทยแล้ว บริษัทยังมีแผนร่วมมือกับนักลงทุนซึ่งเป็นผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์จากจีน เพื่อตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทยด้วย ส่วนในอนาคตก็จะมีการส่งออกรถออกไปขายต่างประเทศในกลุ่มอาเซียน"
สำหรับรถจักรยานยนต์ที่จำหน่ายจะมีทั้งรถสกู๊ตเตอร์ จักรยานยนต์ครอบครัว วิบาก ช็อปเปอร์ รวมทั้งรถเอทีวี ด้วย โดยการประกอบรถ แพล็ททินัม นั้นจะเป็นความร่วมมือกับรถที่ผลิตในจีนยี่ห้อ " เฮนสิม (HENSIM)" ซึ้งนำเข้าเป็นชิ้นส่วนมาประกอบที่โรงงานในไทย
นายประภาส ศรีไพบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เจอาร์ดี ไบรท์ มอเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ เจอาร์ดี จากมาเลเซีย เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมลงทุนเพิ่มเติมในการประกอบรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกภายใต้ยี่ห้อ "เจอาร์ดี" ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับรถจักรยานยนต์ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทย ซึ่งรายละเอียดและแผนงานต่างๆ ของการทำตลาดรถกระบะนั้นจะสามารถสรุปและเริ่มจำหน่ายได้ในปี 2549 นี้
"ก่อนหน้านี้ เจอาร์ดี ได้มีการผลิตกระบะเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในอินโดนีเซียมาระยะหนึ่ง โดยมียอดส่งออกไม่มากนัก และสำหรับตลาดในประเทศนั้นก็จะเริ่มขายได้ในเร็วๆ นี้ โดยใช้กลยุทธ์เรื่องราคาต่ำมาเป็นจุดขาย"
สำหรับการดำเนินธุรกิจรถกระบะนั้น บริษัทจะใช้พื้นที่ภายในโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมฉลุง จังหวัดสงขลาเพื่อประกอบและส่งออกมาจำหน่ายในตลาดไทยและต่างประเทศ ขณะที่โชว์รูมนั้นก็จะใช้โชว์รูมร่วมกับรถจักรยานยนต์ เจอาร์ดี ซึ่งตอนนี้บริษัทได้มีการตั้ง บริษัท สกู๊ตเตอร์ อารีนา จำกัด ขึ้นมาเพื่อศูนย์บริการลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขายครบวงจร ให้กับลูกค้าของ เจอาร์ดี โดยในปีนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 9 แห่งและจะขยายเพิ่มเป็น 20 แห่ง ในปี 2549 โดย นอกเหนือจากศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่แล้ว 120 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ใช้สินค้าของ เจอาร์ดี ว่าจะได้รับการบริการที่ดีทั้งก่อนและหลังการขาย จำนวน 20 แห่ง โดยสกู๊ตเตอร์อารีน่านั้นจะเข้ามาเสริมช่องว่างนอกเหนือจากศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่แล้วกว่า 120 แห่งทั่วประเทศ
ปัจจุบันรถจักรยานยนต์ เจอาร์ดี มียอดขาย 1,500 คันต่อเดือน โดยในภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทนั้นมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ และ ตั้งเป้าการเติบโตในปี 2549 ไว้ 30,000 คันหรือ 1.5 เปอร์เซ็นต์ของตลาดรวมที่ประมาณ 2 ล้านคันต่อปี และจะขยายงบประมาณทางการตลาด สำหรับโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์ เจอาร์ดี ผ่านทางสื่อประเภทต่างๆ และ ส่งเสริมการขายร่วมกับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ จาก 40 ล้านบาท ในปีนี้ เพิ่มเป็น 50 ล้านบาท ในปีหน้า
นายรมณ์ จตุรงคปัญญา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พี วี เอ มอเตอร์ 2056 จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถกระบะขนาดเล็ก ยี่ห้อ วู่หลิง ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า การทำตลาดรถยนต์ วู่หลิง นั้นจะเน้นไปที่การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ โดยเจาะกลุ่มตลาดล่างซึ่งมีคู่แข่งน้อยมาก และเน้นราคาถูกกว่าเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้บริษัทก็พยายามที่จะเพิ่มเครือข่ายดีลเลอร์ให้คลอบคลุมมากขึ้นด้วย
สำหรับรถยนต์ วู่หลิง นั้นเน้นการใช้งานเป็นหลัก ไม่มีเทคโนโลยีซับซ้อน ทำให้ประหยัด อะไหล่หาง่ายทำให้ราคาค่าซ่อมถูก ดังนั้นจึงถือว่าเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่ง นอกจากนี้รถของ วู่หลิง สามารถปรับเปลี่ยนได้มากหลากหลายแบบจะเป็นรถกะบะที่ใช้บรรทุกสินค้า รถโดยสารที่รับผู้โดยสารเข้าออกซอย หรืออาจจะใช้เป็นคีออสเคลื่อนที่ในการให้บริการสินค้าหรือบริการอย่างร้านกาแฟเคลื่อนที่ รวมถึงใช้เป็นสื่อโฆษณาของแฟรนไชส์ต่างๆ