สมาคมเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ชี้หมดยุคแข่งขันรุนแรงถึงรอบจุดสูงสุดแล้ว คาดปีหน้าเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เลิกแข่งตัดราคาและปรับลดวงเงินสินเชื่อลง
แหล่งข่าวจากสมาคมธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า จากสถิติข้อมูลในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ผ่าน ทำให้เห็นว่าในปีนี้เป็น ช่วงที่มีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อที่ถึงระบบสูงสุดของวัฏจักรที่กินเวลาประมาณ 4-5 ปีต่อรอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดอกเบี้ย เงินดาวน์ หรือเงื่อนไขจูงใจในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มา 2-3 ครั้งแล้ว ทำให้คาดว่าในปีหน้าการแข่งขันปล่อยสินเชื่อรถ จักรยานยนต์จะเริ่มปรับตัวลดลง โดย มุ่งรักษาคุณภาพลูกค้ามากขึ้น จากเดิม ที่เน้นปริมาณเป็นหลัก
ทั้งนี้ จึงทำให้สมาชิกมีการหารือกัน ถึงการปรับเปลี่ยนวงเงินสินเชื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น โดยได้มีข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการ และไม่ได้มีการบังคับว่าสมาชิกควรปรับลดยอดวงเงินให้สินเชื่อลงประมาณคันละ 1 พันบาท เช่น เดิมให้สินเชื่อคันละ 4 หมื่นบาท ก็เหลือคัน 3.9 หมื่นบาท เพื่อให้ลูกค้าหาเงิน มาเป็นเงินดาวน์มากขึ้น การไม่มีเงินดาวน์เลยคงลดลง ทำให้ความเสี่ยงของผู้ให้สินเชื่อก็จะลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการแข่งขันรุนแรง ที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจและภาวะน้ำท่วมได้ส่งผลให้เกิดรถยึดมากขึ้น และทำให้ราคารถมือสองตกลงอย่างมาก จากปกติขาดทุนคันละ 20% ก็เพิ่มเป็นคันละ 25% เช่น ถ้าเป็นรถที่ราคาคันละ 4 หมื่นบาท ปกติขาดทุนคันละ 8 พันบาท มาปีนี้ก็ ขาดทุนเพิ่มเป็นคันละ 1 หมื่นบาทแล้ว ซึ่งเป็นผลมากจากรถยึดที่มีจำนวนมาก และผู้รับซื้อรถเก่ากดราคาลง เนื่องจากอ้างว่าไม่สามารถนำไปขายยังตลาดต่างจังหวัดได้ในขณะนี้ เพราะเกิดภาวะน้ำท่วมหลายพื้นที่ กำลังซื้อไม่เพียงพอ ดังนั้น ผู้ซื้อ รถเก่าจึงขอซื้อถูกไว้ก่อน ซึ่งคาดว่ากว่าตลาดราคารถมือสองจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติคงกินเวลาอย่างน้อยไปอีก 6 เดือน หรือประมาณกลางปีหน้า ทั้งนี้ ในส่วนของผู้เช่าซื้อเองก็ต้องยอมรับสภาพว่าต้องมีหนี้สินคงค้างเพิ่มขึ้นด้วย เพราะสุดท้ายแล้วผู้ปล่อยสินเชื่อก็ต้องไปตามหนี้กับ ผู้เช่าซื้ออยู่ดี หากเห็นว่ายังคุ้มค่ากับค่าทนายและค่าติดตาม
“ปีหน้าผู้ให้บริการสินเชื่อแต่ละราย คงหันมาเน้นเรื่องคุณภาพของลูกค้ามากขึ้น จากเดิมที่เน้นกวาดลูกค้าให้ได้มากไว้ก่อน ซึ่งทำให้ทุกเจ้าต้องทำตามไปด้วย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเสียตลาดไป แต่เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้ว หากทำต่อไปอาจขาดทุนได้ การทำตลาดแบบแรงๆ หรือตัดราคากันก็คงลดลง ทั้งนี้ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ ก็มองว่าปีหน้ายอดขายคงอยู่ใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 1.9-2 ล้านคันเท่านั้น”