กลับมาพบกันอีกครั้ง ผมติดขัดธุระหายหน้าไปหนึ่งฉบับ กลับมาอีกทีกรุงเทพฯยังร้อนไม่เลิกเลยนะครับ ปีนี้น้ำเยอะ (เกินคาด) ลมหนาวก็มาช้า ต้องฝากความหวังไว้กับเดือนสุดท้าย คือธันวาคม ว่าจะทำให้เราพูดได้เต็มปากหรือเปล่า ว่าปี 2549 อุตส่าห์มีหน้าหนาวให้ได้ใส่แจ๊คเก็ตเท่ๆ ตั้ง 1 เดือน ผมว่าเผลอๆ อาจจะมาแค่วูบเดียว 3 วัน 7 วัน แล้วหายไปเลย
พูดถึงเรื่องความ "เท่" แล้ว ช่วงนี้เท่แบบย้อนยุคกำลัง "อิน" อย่างแรง ความจริงกระแสเรโทร (retro) ก็ยังคงมีมาเรื่อยๆ ไม่ได้หนีหายไปไหน แล้วแต่ว่าจะไปวาดลวดลายในวงการอะไรบ้างในแต่ละจังหวะเวลา อย่างตอนนี้แฟชั่นขาสั้นแบบสุดกู่กลับมาสู่แคตวอล์คอีกแล้ว ด้านวงการเพลงคุณป้ามาดอนน่าก็พาเราย้อนกลับไปสู่ยุคดิสโก้กับอัลบั้ม Confessions On The Dance Floor (กางเกงสั้นจู๋แข่งกับน้องทาทาได้สบายครับ) ต้นเดือนธ.ค.นี้ หนังเก๋า เก๋า ของคุณโจอี้ บอย ก็จะย้อนไปยุคสตริงคอมโบครองเมือง
หันมาดูวงการยานยนตร์เป็นไงครับ รถมินิพกความเก๋ามาคว้าหัวใจคนยุคนี้ได้อย่างสบายๆ ด้านมอเตอร์ไซค์ก็เช่นกัน ตอนนี้ทรงคลาสสิคที่เร้าใจสุดๆ ต้องยกให้ "ยามาฮ่า ฟิโน่" วันนี้ผมขอพูดถึงรถจักรยานยนต์ประเภท สกู๊ตเตอร์ ของค่ายยามาฮ่า แล้วกันครับ เพราะถ้าพูดถึงความแรง ความฮ็อตของรถประเภทนี้ในบ้านเราแล้ว ผมว่าช่วงนี้แหละที่เห็นชัดจริงๆ
กระทรวงคมนาคมสหรัฐให้คำจำกัดความสำหรับรถประเภทสกู๊ตเตอร์ไว้ว่า เป็นรถมอเตอร์ไซค์ประเภทหนึ่งซึ่งมีพื้นวางเท้า และมีระยะห่างระหว่างพื้นกับเบาะนั่งทำให้เวลาจะขึ้นขับ ก็สามารถก้าวข้ามได้เลย ไม่ต้องเหวี่ยงขาคร่อมเบาะแบบมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไป ส่วนขนาดใหญ่หรือเล็กตอนนี้ไม่ใช่ปัจจัยแล้วครับ เพราะในอดีตสกู๊ตเตอร์มักคันเล็กกว่า วงล้อเล็กกว่า แต่เดี๋ยวนี้สกู๊ตเตอร์บางรุ่นก็ใหญ่โต เครื่องแรง และมีขนาดล้อเท่าๆกับมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แถมสกู๊ตเตอร์ส่วนใหญ่ยังใช้ระบบเกียร์ระบบคลัทช์ออโตเมติก สตาร์ทด้วยมือโดยใช้ระบบไฟฟ้า ที่สำคัญก็คือ หลายรุ่นพัฒนาจากระบบเครื่องยนต์ 2 จังหวะมาเป็น 4 จังหวะเพื่อลดการปล่อยไอเสีย และเหมาะสำหรับนำมาขับขี่บนท้องถนนในตัวเมืองมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องคอยหลบขี่ตามซอกซอยหมู่บ้านอีกต่อไป
สำหรับยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นนั้น ก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1955 ครับ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดชิสุโอกะ และเคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเปียโนรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและในระดับโลก แต่ภายหลังได้แยกธุรกิจผลิตมอเตอร์ไซค์ออกมาเป็นเอกเทศ ยามาฮ่า มอเตอร์นำจุดเด่นในเรื่องของวัสดุมาเป็นจุดแข็งในการผลิตมอเตอร์ไซค์ด้วย เพราะจากการทุ่มเทวิจัยเกี่ยวกับวัสดุโลหะผสมคุณภาพสูงสำหรับนำมาผลิตเปียโน บริษัทนำความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผลิตโลหะผสมน้ำหนักเบา แต่แข็งแกร่งทนทาน มาใช้กับตัวถังและส่วนประกอบอื่นๆของรถมอเตอร์ไซค์ด้วย กระทั่งเป็นที่ยอมรับของนักบิด และสามารถก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่อันดับสองของโลก นอกจากนั้นยังผลิตยวดยานพาหนะประเภทอื่นๆ เช่น รถประเภทสมบุกสมบัน รถตะลุยหิมะ รวมไปจนถึงเรือประเภทต่างๆ
ปี 2543 ยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น ประกาศแผนพันธมิตรกับโตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น โดยฝ่ายหลัง ยอมจ่ายเงินถึง 10,500 ล้านเยนเพื่อซื้อหุ้น 5% ในบริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ทั้งยามาฮ่า มอเตอร์ และยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น ก็ได้สิทธิ์ซื้อหุ้นรายละ 500,000 หุ้นของบริษัทโตโยต้า ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งและเติมเต็มส่วนที่ขาดให้กันและกันครับ แนวโน้มแบบนี้เกิดขึ้นในแทบจะทุกวงการ
อ้อ …เกือบลืมบอกไปว่า รถสกู๊ตเตอร์ที่กำลังร้อนแรงในหมู่วัยรุ่นเมืองใหญ่นั้น ใช่ว่าจะมีแต่รูปแบบย้อนยุคคลาสสิคนะครับ สกู๊ตเตอร์หน้าตาโฉบเฉี่ยวทันสมัยและใหญ่ล่ำปึ้กก็เป็นที่นิยมเช่นกัน แต่เนื่องจากราคาค่อนข้างแพง คนที่เล่นก็เลยเป็นผู้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นมาอีกหน่อย เพราะถ้าอยากเท่จริงๆต้องควักประเป๋าหลักแสนเลยล่ะครับ
คุณรู้ไหมว่า
+ รถสกู๊ตเตอร์ (scooter) บางรุ่นอาจจะมีหน้าตาคล้ายๆ รถโมเพ็ด (moped) แต่จุดสำคัญที่แตกต่างก็คือ สกู๊ตเตอร์มีกำลังเครื่องมากกว่า (เครื่องยนต์โมเพ็ดส่วนใหญ่ไม่ถึง 50 ซี.ซี. วิ่งได้ราว 45-50 ก.ม.ต่อชั่วโมง) และสกู๊ตเตอร์ไม่มีบันไดถีบแบบโมเพ็ด ซึ่งบางรุ่น (และตามจำกัดความของบางประเทศ) เป็นรถลูกผสม สามารถใช้แรงคนถีบรถไปได้เมื่อต้องการประหยัดเชื้อเพลิง
+ รถสกู๊ตเตอร์ทุกวันนี้เครื่องแรงขึ้น หากเป็นเครื่องยนต์ขนาด 250-650 ซี.ซี. ถือว่าเป็นแม๊กซี่ สกู๊ตเตอร์ (maxi-scooter)
+ ปัจจุบัน ประเทศผู้ผลิตรถสกู๊ตเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก คือ จีน ครองส่วนแบ่งการผลิตกว่า 50% ของปริมาณสกู๊ตเตอร์ทั้งโลก