ในหลายๆ ประเทศทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา และอาเซียนเพื่อนบ้าน ต่างยอมอนุญาตให้รถจักรยานยนต์ประเภทบิ๊กไบค์ 500 ซีซีขึ้นไป สามารถขับขี่ขึ้นทางด่วนหรือทางยกระดับได้ เนื่องจากรถกลุ่มนี้ในปัจจุบันมีระบบความปลอดภัยใกล้เคียงกับรถเก๋ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมให้ตลาดบิ๊กไบค์เติบโตได้ต่างจากเมืองไทย
ปริมาณพาหนะติดล้อบนท้องถนนเมืองไทยส่วนใหญ่ คือจักรยานยนต์ 2 ล้อ แต่ประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้ประชากรสองล้อขึ้นใช้บริการทางด่วนและทางยกระดับได้ เนื่องจากมองว่าหากรถจักรยานยนต์ขึ้นไปใช้ทางด่วน อาจจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุบัติเหตุ จากน้ำหนักรถที่เบา โมเมนตัมน้อย การปะทะกับแรงลมและการใช้ความเร็วสูงบนทางด่วน อาจทำให้รถจักรยานยนต์ถูกดูดหรือเกิดการเสียหลักและเฉี่ยวชนกันได้
แต่สำหรับประเทศในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา ได้ยกเลิกข้อห้ามนั้นแล้ว และอนุญาตให้รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 500-600 ซีซีขึ้นไป สามารถขึ้นทางด่วนได้ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ด้วย เพราะรถบิ๊กไบค์นั้นมีระบบความปลอดภัยเทียบเท่ารถเก๋ง เช่น เบรกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก (อีบีดี) และน้ำหนักมากถึง 300 กิโลกรัม จึงทำให้จำนวนประชากรของรถจักรยานยนต์กลุ่มบิ๊กไบค์ (Big Bike) เติบโตขึ้น และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเดินทางสัญจรของผู้มีใจรักในความเร็วและแรงลมที่ปะทะใบหน้า
ในประเทศไทย ปัจจุบันยังไม่มีค่ายรถจักรยานยนต์รายใดทำตลาดรถบิ๊กไบค์ จะมีบ้างในการนำมาจัดแสดงโชว์เทคโนโลยี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้แก่แบรนด์ ในการออกโรดโชว์หรือกิจกรรมต่างๆ ค่ายรถจักรยานยนต์ให้เหตุผลไว้ว่า เป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยและอาเซียน นิยมรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก เครื่องยนต์ขนาด 90-120 ซีซี ที่ให้ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูง การดีไซน์ที่ปราดเปรียว เหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง เอาไว้ซอกแซกไปตามถนนที่รถยนต์ติดกันยาว บางรายวิเคราะห์ไปถึงว่าสรีระหรือโครงร่างคนไทยเล็ก ไม่เหมาะกับบิ๊กไบค์ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกลุ่มผู้ชื่นชอบบิ๊กไบค์ซื้อหามาขับขี่กันอยู่พอสมควร และตั้งเป็นกลุ่มในการทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ต่างจากผู้ใช้รถยนต์สปอร์ต
- ยามาฮ่าขายบิ๊กไบค์ในมอเตอร์โชว์
นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้าและกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ทางยามาฮ่าได้เตรียมนำรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ โดยจะเปิดตัวพร้อมขายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2007 ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการไบเทค บางนา ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการวางระบบบริการหลังการขายและอะไหล่ไว้รองรับ
ทั้งนี้ ยามาฮ่าได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการบริการหลังการขาย ด้วยการเปิดศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ไว้ที่ศูนย์อะไหล่และบริการครบวงจร ริมถนนบางนา-ตราด กม.21 ซึ่งจะรวมไปถึงเปิดเป็นโชว์รูม ที่นำรถยามาฮ่าครบทุกรุ่น มาจัดแสดง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยานน้ำ รถเอทีวี ยานยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ ในส่วนของบิ๊กไบค์ ที่นำมาโชว์อยู่ในโชว์รูมตอนนี้มีอยู่ 3 รุ่น ได้แก่ FJR1300 , FZ6 และ TMAX คาดว่าจะเป็นรุ่นที่นำมาทำตลาดในเมืองไทยด้วยเช่นกัน
"ตอนนี้อยู่ระหว่างการวางแผนวางราคาผลิตภัณฑ์บิ๊กไบค์อยู่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ก็คงจะสูงพอสมควร เนื่องจากภาษีนำเข้ารวมแล้วเกือบเท่าตัว" นางสาวจินตนาระบุ
สำหรับสินค้ารถจักรยานยนต์ของยามาฮ่านั้น แบ่งออกเป็น 3 หมวด คือ
+ สตาร์ (STAR) ซึ่งเป็นรถครุยซ์ที่ใช้เดินทาง รุ่นสำคัญเช่น รอยัล สตาร์ โรดไลน์เนอร์ โรดสตาร์ วอริเออร์ วี-แมค วีราโก วี สคาร์ เป็นต้น
+ ซีรีส์ สปอร์ต (Sport) รถที่มีสมรรถนะสูง เพื่อเดินทางหรือแข่งขัน รูปทรงแบบสปอร์ต ออฟโรด เช่น รุ่นเอทีวี สปอร์ต ออฟโรด มอเตอร์ไซค์ สตรีท สกู๊ตเตอร์รุ่นต่างๆ และ
+ เอาท์ดอร์ (Outdoor) หรือรถในกลุ่มเอทีวี รถกอล์ฟและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับบิ๊กไบค์นั้น อยู่ในซีรีส์ สตาร์และสปอร์ต เป็นหลัก
- จับไลฟ์สไตล์นักเดินทาง
แนวคิดในการทำตลาดบิ๊กไบค์ของยามาฮ่า ดูเป็นจริงเป็นจังมากที่สุดนับตั้งแต่การมาของนายทากาฮิโกะ โกอัน ประธานกรรมการบริหาร ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ คนใหม่ เมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา โดยนายโกอันมองว่า แนวโน้มรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่กำลังมาแรง ในอนาคตการใช้จักรยานยนต์จะเปลี่ยนไป จากการขนส่งหรือคมนาคม เพียงอย่างเดียว เป็นการใช้งานแบบไลฟ์สไตล์ หรือการใช้จักรยานยนต์ จะเป็นการเดินทางระยะไกลเพื่อการพักผ่อน แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าจำนวนบิ๊กไบค์ในตลาดไทยมีจำนวนอยู่เท่าไร แต่ก็มีสัญญาณการเริ่มต้นที่ดี เพราะมีผู้มีฐานะหลายคนเลือกเดินทางด้วยจักรยานยนต์ ซึ่งทำให้รู้ว่ามีคนต้องการผลิตภัณฑ์นี้อยู่ และก็จะเห็นผลิตภัณฑ์ยามาฮ่าในตลาด
ยามาฮ่าเชื่อว่าสภาพอากาศและการรักการขับขี่จักรยานยนต์ จะทำให้ตลาดการเดินทางท่องเที่ยวไปกับบิ๊กไบค์ เป็นตลาดที่มีอนาคต จะมีคนไทยที่มีกำลังซื้อกลุ่มหนึ่งขับขี่บิ๊กไบค์เพื่อท่องเที่ยว และเป็นงานอดิเรก
ก้าวสู่เทรนด์เซตเตอร์โดยสมบูรณ์ยามาฮ่า ถือเป็นค่ายรถจักรยานยนต์ที่เป็นผู้สร้างเทรนด์ (Trend setter) ในกลุ่มผู้รักรถสองล้อเมืองไทยมาหลายครั้ง แม้ว่าตำแหน่งในตลาดปัจจุบันจะเป็นเบอร์รองของเอ.พี.ฮอนด้ามาโดยตลอด แต่วิถีทางการตลาดที่เดินมานั้น ไม่เคยเป็นผู้ตาม และหลายครั้งก็เป็นผู้นำตลาด และคู่แข่งรายอื่นเดินตามยามาฮ่าเสียด้วยซ้ำในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการตลาด
นับจากปี 2546 เป็นต้นมา ยามาฮ่าได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติรุ่นแรกชื่อรุ่นนูโว ในรูปลักษณ์ของรถสกู๊ตเตอร์ ถือเป็นโมเดลแรกในรอบกว่า 20 ปี หลังจากที่ฮอนด้าได้ทำการตลาดสกู๊ตเตอร์รุ่นลีดส์แต่ไม่ประสบความสำเร็จ กระแสของรถสกู๊ตเตอร์ก็ดีมาอย่างต่อเนื่อง จนยามาฮ่าออกผลิตภัณฑ์สกู๊ตเตอร์รุ่นมีโอ มาเสริมไลน์เมื่อ 2 ปีก่อน ตลาดสกู๊ตเตอร์ยามาฮ่าที่เป็นตลาดใหม่ไร้คู่แข่ง เติบโตสูงจนเจ้าตลาดอย่างฮอนด้าต้องกระโดดลงมาร่วมวงแข่งขันในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แม้จะเคยแสดงความคิดเห็นว่าตลาดสกู๊ตเตอร์ในเมืองไทยจะไม่มีทางเกิดได้ในช่วงดังกล่าว
หลังจากยามาฮ่าประสบความสำเร็จจากสกู๊ตเตอร์หรือรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะเกียร์อัตโนมัติ ที่ใช้สายพานรูปตัววีแล้ว การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ก้าวหน้าของยามาฮ่าก็ยังให้กำเนิดยามาฮ่า ฟีโน่ รถสกู๊ตเตอร์ที่ดีไซน์ย้อนยุค (Retro) แบบรีโทร ป๊อป และรีโทร คลาสสิก ซึ่งงานนี้สร้างปรากฏการณ์กระแสยานยนต์แฟชั่นไปทั่วเมือง ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่ง และคิดจะตามก็ทำได้ยากด้วย ยังไม่นับกิจกรรมการตลาดที่ยามาฮ่าสร้างขึ้นมาอย่างการตลาดเชิงเสียงเพลง หรือมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง การสนับสนุนการแข่งขันกีฬา หรือสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ฯลฯ ล่าสุดก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงเรียนอบรมขับขี่ปลอดภัย เพื่อปูทางสู่การสร้างการตลาดเชิงประสบการณ์ หรือ Experience Marketing อีกด้วย
มาถึงแนวคิดในการทำตลาดบิ๊กไบค์ในครั้งนี้ จะทำให้ยามาฮ่าถือเป็นค่ายรถจักรยานยนต์เพียงรายเดียวที่มีไลน์ผลิตภัณฑ์หลากหลายมากที่สุดในเมืองไทย มีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มผู้รักการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่กระจายครอบคลุมทุกระดับ
ที่สำคัญ ยามาฮ่าเชื่อว่าบิ๊กไบค์จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของยามาฮ่าในเมืองไทย ที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับยามาฮ่าในตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างยุโรปและญี่ปุ่น และจะสามารถต่อยอดสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง จากการที่ทีมแข่งยามาฮ่าเป็นแชมป์โลกมาหลายสมัยในการแข่งขันรถจักรยานยนต์โมโต จีพี ได้อีกด้วย