"ฮอนด้า" ชี้การเมืองเศรษฐกิจพ่นพิษ ทำตลาดมอเตอร์ไซค์หดเหลือ 1.75 ล้านคัน ตัดสินใจปรับลดเป้าลงเหลือ 1.3 ล้านคัน เดินเกมจัดกิจกรรมตลอดครึ่งปีหลัง พร้อมส่งรถรุ่นใหม่กระตุ้นยอดขาย
นายโทชิยูกิ อินูมะ กรรมการบริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า จากช่วงต้นปีที่มีการคาดการณ์ยอดขายรถจักรยานยนต์ในปีนี้ไว้ประมาณ 1.76 ล้านคันนั้น ปรากฏว่าสถานการณ์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีปัจจัยทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะในด้านความเชื่อมั่น ทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตที่ลดลง
ทำให้เชื่อว่ายอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในปีนี้จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.75 ล้านคัน ส่วนฮอนด้านั้นเดิมตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1.2 ล้านคัน แต่จากปัจจัยข้างต้นทำให้บริษัทตัดสินใจปรับลดเป้าหมายลดลงมาอยู่ที่ 1.175 ล้านคัน ลดลงจากปีที่แล้วที่มียอดการจำหน่ายอยู่ที่ 1.38 ล้านคัน
ส่วนสถานการณ์ช่วงครึ่งปีหลัง นั้น เห็นได้ว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายของรถจักรยานยนต์ยังคงลดลง ซึ่งฮอนด้าได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการมองหาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่มาทำตลาด โดยเฉพาะการสร้างภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น รวมทั้งพัฒนาเครือข่ายที่มุ่งเน้นสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า การพัฒนาร้านค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
"ในด้านของตัวผลิตภัณฑ์นั้น เราพยายามนำเสนอรถเกียร์อัตโนมัติหรือ เอ.ที. และเทคโนโลยีต่างๆ ให้กับลูกค้ามากที่สุด ด้วยการพัฒนาบุคลากรและดีลเลอร์ ให้มีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ ที่เรานำมาเสนอ และนำมาใส่ไว้ในรถรุ่นใหม่ของเราด้วย"
ในส่วนของยอดจำหน่ายที่ลดลงนั้น อีกปัจจัยหนึ่งน่าจะมาจากอัตราการครอบครองรถจักรยานยนต์ของคนไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4 คนต่อรถ 1 คัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร โดยแนวโน้มการเติบโตของตลาดนั้น จะเป็นกลุ่มคนที่มีรถจักรยานยนต์อยู่แล้ว และมีการเปลี่ยนรถรุ่นใหม่มากกว่า
"ยกตัวอย่างเช่นในเขตกรุงเทพฯเอง วันนี้ภาคการขนส่งการคมนาคมมีความสะดวกสบายมากขึ้น มีกลุ่มลูกค้าที่ถือครองรถจักรยานยนต์อยู่เป็นจำนวนมาก เราก็ปรับกลยุทธ์หันไปจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์แล้ว มาเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราแทน"