ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > 2550 > น้ำมันแพงเศรษฐกิจซึม ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ซบ
น้ำมันแพงเศรษฐกิจซึม ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ซบ
ที่มา - กระแสหุ้น วันที่ 24 ก.ค.50

ราคาน้ำมัน และสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดรถจักรยานยนต์มีปริมาณสะสมลดลง 16% ผู้บริหารฮอนด้าครวญยอดจดทะเบียนลดต่ำกว่าตลาดโดยรวม 10%

มร.โทชิยูกิ อินุมะ กรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงยอดจดทะเบียนป้ายวงกลมของรถจักรยานยนต์โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีปริมาณทั้งสิ้น 836,965 คัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 998,617 คันแล้ว มีปริมาณลดลง 161,652 คัน หรือมีอัตราการเติบโตลดลง 16% ซึ่งสำหรับรถจักรยานยนต์ฮอนด้านับเป็นค่ายผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่มีอัตราการเติบโตลดลงต่ำกว่าอัตราการลดลงของตลาดโดยรวม โดยมีปริมาณยอดจดทะเบียน 589,867 คัน เทียบเท่าอัตราส่วนครองตลาด 70% และเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตลดลงเพียง 10% เท่านั้น อันเป็นผลสะท้อนถึงการได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากกลุ่มผู้ใช้รถอย่างต่อเนื่อง

กรรมการบริหารฝ่ายการตลาด เอ.พี.ฮอนด้า กล่าวถึงสาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตลดลงของตลาด ว่า เนื่องมาจากปัจจัยด้านสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่อยู่ในภาวะชะลอตัว ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นต่อสภาพเศรษฐกิจส่งผลให้มีการชะลอการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนั้นแล้วในช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นการเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูกาลขาย จึงทำให้คาดการณ์แนวโน้มของตลาดในครึ่งปีหลังได้ว่าจะมีอัตราการเติบโตลดลงจากปีที่ผ่านมา

“จากสภาวการณ์เช่นนี้จะมีส่วนทำให้สภาพตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งหลังของปี มีการเร่งพยายามผลักดันและกระตุ้นการสร้างยอดจำหน่ายจากบรรดาค่ายผู้ผลิตกันมากขึ้น โดยในส่วนของฮอนด้ายังคงมุ่งเน้นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ และนำเสนอกิจกรรมในรูปแบบที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ใช้รถทั้งในกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ตลอดจนกลุ่มผู้ใช้โดยทั่วไป” มร.โทชิยูกิ กล่าว

มร.โทชิยูกิ กล่าวถึงรายละเอียดของตลาดในช่วงครึ่งปีแรก ว่า รถจักรยานยนต์ประเภทหลักของตลาด อันได้แก่ รถแบบครอบครัวมีปริมาณจดทะเบียนทั้งสิ้น 419,934 คัน เทียบเป็นสัดส่วนตลาดเท่ากับ 50% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีปริมาณ 66% ปรากฎว่ามีอัตราการเติบโตลดลง 36% ในขณะที่รถแบบเกียร์อัตโนมัติ หรือแบบ เอ.ที. เป็นรถประเภทเดียวที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณจดทะเบียน 381,525 คัน สัดส่วนตลาดเท่ากับ 46% มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 40% ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมามีสัดส่วนตลาด 27%

“แม้ว่ารถแบบ เอ.ที. จะได้รับความนิยมอย่างสูงและมีอัตราการเติบโตสวนทิศทางของตลาด แต่ก็เริ่มมีสัดส่วนลดน้อยลงนับตั้งแต่เดือนแรกของไตรมาสสองเป็นต้นมา ทั้งนี้เนื่องมาจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลให้รถแบบครอบครัวที่มีจุดเด่นด้านการประหยัดน้ำมัน ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น” มร.โทชิยูกิ กล่าว