ค่ายรถมึน รถค้างสต็อก เร่งปรับกำลังการผลิต อัดแคมเปญ ระบายสินค้า เจอาร์ดีดันพนักงานในไลน์ผลิตออกดูแลลูกค้า หวังรักษาฐานเก่า ด้านยอดขาย7 เดือนแรกยังไม่กระเตื้องตลาดหดตัว 17% ขณะที่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมายอดร่วงถึง 20%
แหล่งข่าวจากผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า สภาพตลาดรถจักรยานยนต์ที่ชะลอตัวมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ได้ส่งผลให้สต็อกรถจักรยานยนต์หน้าร้านและโรงงานค้างอยู่ในสต็อกจำนวนมาก ดังนั้นผู้ผลิตและดีลเลอร์จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อให้เหมาะสมกับภาวการณ์ปัจจุบัน โดยได้มีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและลดการสั่งรถมาสต็อกหน้าร้าน ขณะที่บรรดาโรงงานก็เริ่มปรับลดจำนวนการสั่งซื้อชิ้นส่วนสำหรับมาประกอบในโรงงาน
สำหรับภาวะสต็อกรถจักรยานยนต์ล้นตลาดในขณะนี้ ทุกยี่ห้อได้รับผลกระทบ แม้กระทั่งยามาฮ่า ซึ่งก่อนหน้านี้มียอดขายเติบโตมาตลาดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและรถบางรุ่นได้รับความนิยมจนผลิตไม่ทัน ก็เริ่มมีปัญหาผลิตรถเกินความต้องการของตลาด ขณะที่ค่ายรถจักรยานยนต์ไทเกอร์ ซึ่งมียอดขายลดลงมากถึง 91% ก็จำเป็นต้องปรับกำลังการผลิตลงมา และเน้นการส่งออกทดแทนตลาดที่หายไป ส่วนเจอาร์ดีก็ได้มีการโยกพนักงานในไลน์การประกอบรถให้มาดูแลด้านบริการหลังการขาย โดยไม่มีการเลิกจ้าง
"เจอาร์ดี มีการกระตุ้นตลาดอย่างหนักด้วยการอัดแคมเปญซื้อ 1 แถม1 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่พนักงานในส่วนของไลน์การประกอบรถที่มีเกินอยู่ ดังนั้นบริษัทจึงได้มีการโยกพนักงานเหล่านั้นบางส่วนให้มาดูแลด้านการบริการหลังการขาย ให้ออกไปเป็นทีมเซอร์วิส ดูแลตรวจสภาพรถให้กับลูกค้าเก่า ซึ่งตรงนี้ทำให้บริษัทไม่ต้องเลิกจ้างพนักงาน" แหล่งข่าวกล่าว
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงยอดจดทะเบียนป้ายวงกลมของรถจักรยานยนต์สะสม 7 เดือนของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 974,897 คัน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 1,170,361 คันแล้ว ปรากฎว่ามีปริมาณลดลงถึง 195,464 คัน หรือมีอัตราการเติบโตลดลง 17% ซึ่งอัตราการเติบโตลดลงนี้บ่งชี้ถึงสภาวะถดถอยของตลาดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา อันมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ยังคงอยู่ในสภาพชะลอตัวมาโดยตลอด
สำหรับเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีปริมาณทั้งสิ้น 137,932 คัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 171,744 คันแล้ว มียอดจดทะเบียนลดลงถึง 33,812 คัน หรือมีอัตราการเติบโตหดตัวลง 20% ทั้งนี้ปริมาณดังกล่าวประกอบด้วยรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 71,004 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 51% , รถจักรยานยนต์แบบเกียร์อัตโนมัติ หรือแบบ เอ.ที. (Auto Transmission) 61,441 คัน สัดส่วนตลาด 45% , รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 4,220 คัน สัดส่วนตลาด 3% , รถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต 870 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถจักรยานยนต์ประเภทอื่นๆ 397 คัน
ด้านยอดขายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าถือว่ามีอัตราการจดทะเบียนลดน้อยลงต่ำสุด คือมีปริมาณสะสม 7 เดือนเท่ากับ 688,387 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12% ซึ่งปีที่แล้วมีปริมาณ 778,019 คัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเน้นกลยุทธ์การเสริมสร้างภาพลักษณ์ ประกอบกับการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายรวมถึงกิจกรรมที่สอดคล้องและเข้าตรงถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ใช้รถ อันเป็นส่วนช่วยเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภค
โดยล่าสุดฮอนด้าได้ร่วมในกิจกรรมคอนเสิร์ตรูปแบบแคมปัส ทัวร์ ของพรีเซ็นเตอร์รถจักรยานยนต์ฮอนด้าตระกูลเวฟ เอ็กซ์ และได้เตรียมแผนงานเพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงฤดูฝนนี้ อันเป็นช่วงนอกฤดูการขาย ด้วยการจัดให้มีกิจกรรมเปิดตัวภาพลักษณ์แนวใหม่ของฮอนด้า แอร์ เบลด อย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนนี้