ตลาดรถจักรยานยนต์ในรอบ 8 เดือนตัวเลขหดตัว ส่งผลให้หลายค่ายออกมาปรับกระบวนกลยุทธ์กันยกใหญ่ ทั้งปล่อยแคมเปญดาว์นต่ำ ,เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ขวัญใจวัยฮิต รวมไปถึงการแห่เปิดตัวรถรุ่นใหม่
ซึ่งกลยุทธ์ที่กล่าวมาทุกค่ายต่างพร้อมใจกันเฮโลเพื่อกระตุ้นยอดขายรวมของปี 50 ให้ตรงตามเป้าที่ได้วางไว้ อย่างไรก็ดีแม้จะมีการตลาดที่ทั้งผลักและดัน แต่หลายฝ่ายต่างก็ออกความเห็นว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้น่าจะไม่โต และคาดว่าตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 1.6 ล้านคัน ซึ่งลดลงจากหลายปีที่ผ่านมาที่มีตัวเลขเฉลี่ย 2 ล้านคัน ล่าสุด
ข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ก็ได้ออกมาระบุว่า สาเหตุของการตกต่ำของยอดขายรถจักรยานยนต์ในรอบ 8 เดือนนี้มีปัจจัยมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ประกอบกับโครงสร้างของตลาดที่กำลังจะถึงจุดอิ่มตัว ทั้งนี้เพราะในรอบหลายปีที่ผ่านมาตลาดรถจักรยานยนต์เติบโตอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าสัดส่วนของจำนวนจักรยานยนต์ต่อประชากรในประเทศไทยาสูงถึง 1 คันต่อ 3-4 คน เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามแม้จะคาดการณ์ว่าใกล้ถึงจุดอิ่มตัวของตลาดรถจักรยานยนต์ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่กำลังเกิดใหม่และความนิยมในตัวตลาดรถออโตเมติก ก็ทำให้หลายคนมองว่า น่าจะยืดอายุของตลาดรถจักรยานยนต์ไม่ให้เกิดการอิ่มตัวภายในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้
ถือเป็นความเคลื่อนไหวของตลาดภายในประเทศที่กำลังต่อสู้เพื่อชิงยอดขายกันอย่างเต็มที่ ในขณะที่ตลาดส่งออกกลับตรงกันข้ามกับตลาดภายในประเทศที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงขนาดมีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าการส่งออกรวมรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนประกอบของไทยน่าจะขยายตัวถึง 20 % โดยมีตลาดที่ส่งออกหลักคือภูมิภาคอาเซียน และ อเมริกา ในขณะที่กลุ่มประเทศยุโรป ออสเตรเลีย หนือแม้แต่ในกลุ่มละตินอเมริกาและอัฟริกาใต้ ก็ถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ
เรียกว่าแม้ตลาดในประเทศจะทรงตัว แต่ก็ยังพอมีรอยยิ้มให้เห็นจากตลาดส่งออก ซึ่งแน่นอนว่าหากมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแนวโน้มการส่งออกก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตในอนาคต