ตลาด "บิ๊กไบก์" เดือด "ฮอนด้า-ซูซูกิ" แย้มปีหน้าได้เห็นชัวร์ เผยได้อานิสงส์จาก "JTEPA" หลังภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ ด้าน "ยามาฮ่า" ถอดใจขอเป็นแค่ผู้นำเทรนด์
นายเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างขึ้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือ "บิ๊กไบก์" เข้ามาทำตลาดในอนาคตอันใกล้นี้
เนื่องจากเป็นจังหวะที่ดีภายหลังจากตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไปข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA จะมีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะเรื่องการนำเข้ารถจักรยานยนต์ที่มี 250 ซีซี จะได้รับการลดหย่อนภาษีเหลือ 0% ส่วนรถที่มีขนาดมากกว่า 250 ซีซีนั้น อัตราภาษีการนำเข้าก็จะค่อยๆ ลดลงมาปีละ 10% ด้วย
ส่วนแผนการดำเนินงานขณะนี้บริษัทอยู่ในขั้นตอนการศึกษาแนวทาง โดยในช่วงแรกของการดำเนินงานนั้นอาจจะเป็นไปในรูปแบบการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายก่อน ส่วนแผนการตั้งโรงงานผลิตขึ้นในประเทศไทยนั้นอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาพอสมควร
"ในเบื้องต้นเราคิดว่าจะเป็นไปในรูปแบบของการนำเข้าเพื่อมาจำหน่ายก่อน ตามสิทธิพิเศษของ JTEPA ที่ให้สิทธิประโยชน์การนำเข้ารถขนาด 250 ซีซี ที่ภาษีอยู่ที่ 0% และรถที่ซีซีเกินกว่านี้ภาษีก็จะค่อยๆ ลดจนเหลือ 0% ด้วยเช่นกัน อีกอย่างเราก็เป็นผู้ผลิตบิ๊กไบก์ในระดับโลกด้วยเช่นกัน"
นายเลิศศักดิ์กล่าวอีกว่า ปัจจัยบวกอีกข้อที่จะทำให้ซูซูกิสามารถทำตลาดบิ๊กไบก์ได้เร็วขึ้นก็คือคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีการอนุมัติให้สิทธิประโยชน์ สำหรับผู้ที่จะมาตั้งโรงงาน นับเป็นเรื่องน่ายินดี เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ก็สามารถนำบิ๊กไบก์เข้ามาทำตลาดได้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาส่งเสริมของประเทศไทย
ทั้งนี้ตนมองว่าการนำบิ๊กไบก์เข้ามาทำตลาดนั้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กแต่อย่างใด เนื่องจากบิ๊กไบก์ถือเป็นรถที่มีการตลาดเฉพาะกลุ่ม ส่วนซูซูกิเองคาดว่าในช่วงต้นปีหน้าน่าจะได้เห็นความชัดเจน
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัทเองก็อยู่ระหว่างการศึกษาแผนการทำตลาดในส่วนของบิ๊กไบก์ด้วยเช่นกัน แต่รายละเอียดต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ แต่ในเบื้องต้นบริษัทจะนำเข้ารถบิ๊กไบก์เข้ามาจำหน่ายก่อน
และหากตลาดมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นบริษัทก็อาจจะมีการพิจารณาเพื่อลงทุนเชื่อว่าแต่ละยี่ห้อก็จะต้องทำแบบเดียวกัน ที่จะต้องมาวิเคราะห์และมองหาจุดคุ้มทุน ซึ่งเมื่อตลาดอาจอยู่ในภาวะอิ่มตัวและในระยะยาวบิ๊กไบก์เองอาจจะได้รับการตอบรับที่ดีก็เป็นได้
ส่วนบริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด หลังจากที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนในการทำตลาดรถประเภทนี้ก่อนค่ายอื่น นางจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดส่วนแผนดำเนินธุรกิจ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการชะลอแผนการดำเนินงานและการเปิดตัวบิ๊กไบก์ออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวรถพร้อมทั้งโชว์รูมในช่วงเดือนตุลาคมนี้ แต่เนื่องจากความพร้อมบางอย่างทำให้บริษัทตัดสินใจชะลอแผนการเปิดตัวออกไปก่อน
แต่คาดว่าจะมีการเปิดตัวบิ๊กไบก์ได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน สำหรับโชว์รูมและศูนย์จำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์แห่งแรกจะอยู่บริษัทถนนรัชดาฯซึ่งใช้งบฯลงทุน 15-20 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 40-50 คันในปีนี้ พร้อมเตรียมแผนขยายโชว์รูมไปยังหัวเมืองใหญ่อีก 4 แห่ง รวมถึงพิจารณาเพิ่มโชว์รูมตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 5-6 แสนบาทขึ้นไป