นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดขายรถจักรยานยนต์ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 จากที่เคยขายเฉลี่ยเดือนละ 200,000 คัน เหลือเพียง 120,000 คัน โดยยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจ การเมืองทำให้การซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวลง และที่สำคัญราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง คาดว่าทั้งปียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านคัน จากก่อนหน้าที่มียอดขายประมาณ 2 ล้านคัน รวมถึงมาจากไฟแนนซ์ไม่ปล่อยสินเชื่อ เพราะที่ผ่านมาแข่งขันกันปล่อยกู้ ทำให้ไม่เข้มงวดคุณสมบัติของผู้กู้ ปีนี้จึงเกิดปัญหาหนี้ค้างชำระ และต้องยึดรถคืนกลับมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นปีนี้ไฟแนนซ์จึงค่อนข้างเข้มงวดกับการปล่อยกู้ให้ผู้ซื้อรถจักรยานยนต์มากขึ้น
สำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ยอดขายรวมคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 650,000 คัน เพราะไตรมาสสุดท้ายค่ายรถยนต์ต่างจัดรายการส่งเสริมการขายเร็ว และแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะต้องการดันยอดให้ได้ตามเป้าหมาย และจะมีงานมอเตอร์เอ็กซ์โป วันที่ 29 พ.ย.ถึง 10 ธ.ค.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดว่าค่ายรถยนต์คงมีแคมเปญการตลาดเพิ่มขึ้น ด้านตลาดส่งออกมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 20% คาดว่าทั้งปีนี้ยอดการผลิตจะอยู่ที่ 1.25 ล้านคัน
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการส่งเสริมผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรืออีโคคาร์ซึ่งจะหมดเขตยื่นขอรับการส่งเสริมวันที่ 30 พ.ย.นี้ ขณะนี้มีค่ายรถยนต์อีก 3 ราย ประกอบด้วย โตโยต้า นิสสัน และซูซูกิ ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมฯ เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของบีโอไอเพื่อรักษาสิทธิไว้ เพราะขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องผลิต