ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > จยย.ฮอนด้าเริ่มแผนธุรกิจระยะ 3 ปีรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด
จยย.ฮอนด้าเริ่มแผนธุรกิจระยะ 3 ปีรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด
ที่มา - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 ม.ค.54

เอ.พี.ฮอนด้าประกาศนโยบายแผนระยะกลาง 3 ปี (ปี 2011-2013) มุ่งสู่ “ผู้นำอย่างแท้จริง” เล็งเปิดตัวรถใหม่ 12 โมเดล คาดปี 2554 ตลาดพุ่ง 1.9ล้านคัน

นายจิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศไทยปี 2010 ได้รับแรงเสริมจากสภาพเศรษฐกิจเฟื่องฟู จึงฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ปี 2010 ปิดตัวเลขตลาดรวมที่ 1,850,000 คัน หรือเติบโตขึ้น 120% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยฮอนด้าสามารถสร้างความนิยมจากมหาชนทั่วประเทศ ด้วยยอดจำหน่ายรวมเติบโตสูงขึ้นถึง 124% หรือเทียบเท่าจำนวน 1,260,000 คัน ครองสัดส่วนตลาดอันดับหนึ่งที่ 68% ส่งผลให้บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า สามารถบรรลุการเป็นองค์กรอันดับหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศไทยได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 ติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา ซึ่งฮอนด้าขอขอบคุณผู้อุปการคุณทุกท่านมาณที่นี้”

นอกจากนั้น มร.จิอากิ คาโต ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ถึงการดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ในระยะ 3 ปีจากนี้ไป หรือที่เรียกว่า แผนระยะกลาง 3 ปี จากปี 2011-2013 ไว้ดังนี้ “ปี 2011 นี้ถือเป็นปีแห่งการเริ่มต้นธุรกิจอีก 10 ปีข้างหน้า และเป็นปีเริ่มต้น “แผนระยะกลาง 3 ปีฉบับใหม่” ของเอ.พี. ฮอนด้า ซึ่งเราได้กำหนดเป้าหมายมุ่งสู่การเป็น “ผู้นำอย่างแท้จริง” เพื่อเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์อันดับหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างยั่งยืน โดยเราจะส่งมอบความสุขสู่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ผ่าน 3 กลยุทธ์หลักๆ คือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหนือความคาดหมายของตลาด, การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกๆ ด้าน และการขยายความพึงพอใจสูงสุดของผู้ใช้และสังคม โดยภายใต้กลยุทธ์นี้เรามีแผนการวางจำหน่ายรถรุ่นใหม่ๆ จำนวน 12 รุ่นในระยะเวลา 3 ปี และขยายเครือข่ายการขายให้ได้ 1,300 แห่งภายในปี 2013 โดยรถรุ่นแรกของแผนฯครั้งนี้ คือการปรับโฉมของฮอนด้า เวฟ 110 ไอ รถยอดนิยมทุกยุคทุกสมัยของผู้ใช้ชาวไทย เพื่อส่งมอบความสุขแรกของปีสู่ผู้ใช้ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้”

สำหรับบทสรุปภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2010 ได้เกิดปรากฏการณ์พิเศษขึ้นคือ “รถเอที” ที่เติบโตอย่างรวดเร็วนับแต่ปี 2007 ได้มียอดจำหน่ายนำ “รถครอบครัว” ไปในที่สุดด้วยสัดส่วน 52% ต่อ 46% ส่งผลให้รถเอทีเป็นตระกูลรถที่มีสัดส่วนยอดจำหน่ายมากที่สุด นอกจากนั้นจากการวางตลาดรถรุ่นใหม่ ๆ ของฮอนด้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2010 ผนวกกับการทำให้ ”กลยุทธ์หัวฉีด” สมบูรณ์แบบด้วยการเปลี่ยนทุกรุ่นให้เป็นระบบหัวฉีด (PGM-Fi) เป็นรายแรกของประเทศไทยได้ส่งผลให้ฮอนด้าเป็น “ผู้นำหัวฉีด” ที่ได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากประชาชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง โดยตลาดรวมในปี 2010 มีสัดส่วนการจำหน่ายรถแบบหัวฉีดสูงถึง 63% ในขณะที่ระบบคาร์บูเรเตอร์มีเพียง 37% เท่านั้น

ในด้านนโยบายและวิสัยทัศน์การดำเนินแผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปี เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2011 – 2013 นี้ ฮอนด้ามุ่งหวังสู่การเป็นผู้นำตลาดอย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายในการที่จะเป็น “แบรนด์รถจักรยานยนต์อันดับหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด” โดยการส่งมอบความสุขสู่ผู้ใช้ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

1) การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหนือความคาดหมายของตลาด เราจะเสริมความแข็งแกร่งด้านไลน์อัพ จากมุมมอง 3 ประการ โดยเริ่มจาก “การเสริมความแข็งแกร่งไลน์อัพปัจจุบัน” ด้วยการเติมเต็มช่องว่างของตลาดให้ครอบคลุมทุกเซกเม้นท์ มาตรการที่สอง “การวางจำหน่ายสินค้าสร้างเทรนด์” โดยนำเสนอความสุขจากสินค้าคุณค่าใหม่ๆ และความสุขในการขับขี่ให้กับลูกค้าชาวไทย ด้วยการวางจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม FUN รวมถึงรถจักรยานยนต์ Big Bike มาตรการที่สาม “การเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ (Potential user)” ด้วยการวางแผนรองรับการขยายถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ในอนาคต สร้างตลาดใหม่ และมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อเตรียมการสู่ชนรุ่นหลังต่อไป โดยในระยะ 3 ปีนี้ ฮอนด้าจะวางตลาดรถรุ่นใหม่ 12 รุ่น บนพื้นฐานมาตรการสำคัญ 3 ประการนี้

2) การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกด้าน จากนี้ไปรถจักรยานยนต์ฮอนด้าจะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดในวงการธุรกิจรถจักรยานยนต์ เป็นที่ชื่นชอบจากกลุ่มลูกค้าในทุกระดับ รวมถึงกลุ่มที่ไม่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วย พร้อมนำเสนอความสนุกที่เหนือความคาดหมายให้ตรงใจวัยรุ่นมากขึ้น

3) การขยายความพึงพอใจสูงสุดของผู้ใช้และสังคม ฮอนด้าจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่ายฯ โดยจะเพิ่มจำนวนร้าน Honda Wing Center ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเป็น 900 แห่ง และ Wing Shop ในรูปแบบ 3S ใหม่อีก 400 แห่ง รวมทั้งเพิ่มร้านเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ได้ 1,300 แห่งภายในปี 2013 นอกจากนี้จะเสริมความแข็งแกร่งในการทำกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัย และทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับร้านผู้จำหน่ายในรูปแบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้น

สุดท้าย ฮอนด้าได้แนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นยอดนิยมตลอดกาล “ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ระบบหัวฉีด PGM-FI” รุ่นแรกของแผนระยะกลาง 3 ปี เพื่อเป็นการส่งมอบความสุข และตอกย้ำความคุ้นเคยของรถครอบครัวที่จะอยู่คู่กับคนรุ่นใหม่ไปทุกยุคทุกสมัย ด้วยดีไซน์บังลมใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเหมาะสมกับการใช้งานในแบบรถครอบครัว, ขยายพื้นที่กล่องเก็บของใต้เบาะให้ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 7.4 ลิตร สามารถบรรจุหมวกกันน็อคขนาดครึ่งใบได้อย่างสบาย รวมถึงท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ด้วยวัสดุสแตนเลสกันสนิมพร้อมแผ่นกันความร้อน ให้ความอุ่นใจในการขับขี่มากขึ้น พร้อมคุณประโยชน์จากสมรรถนะที่ถูกพัฒนาขึ้นให้เหมาะสมอีกมากมาย โดยเฉพาะระบบหัวฉีด PGM-FI ที่บรรจุในฮอนด้าเวฟ 110i ใหม่นี้ยังเป็นระบบหัวฉีด PGM FI ยุคใหม่ที่พัฒนามาถึงยุคที่ 4 ที่ทำให้สมองกล(ECU)ทำการควบคุมการทำงานได้ดีขึ้น และลดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นลง เพื่อให้บำรุงรักษาได้ง่ายยิ่งขึ้น สามารถถอดเปลี่ยนกรองน้ำมันได้ เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังเป็นรถที่มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงที่สุดมากกว่ารถทุกรุ่นที่ 57 กม./ลิตร ภายใต้คอนเซปต์การตลาด “ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ความสุขที่ใช่...รอบๆ ตัว”

ทั้งนี้ ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ใหม่นี้มีให้เลือก 3 รุ่น คือ รุ่นล้อซี่ลวด ดิสค์เบรคหน้า/สตาร์ทมือ, รุ่นล้อซี่ลวด ดิสค์เบรคหน้า/สตาร์ทเท้า และ รุ่นล้อซี่ลวดดรัมเบรค/สตาร์ทเท้า โดยมีราคาจำหน่ายท้องตลาดสำหรับรุ่นยอดนิยมที่มีผู้ใช้สูงสุดคือรุ่นดิสค์เบรคหน้าสตาร์ทเท้าโดยประมาณที่ 38,400 บาท และเตรียมวางแผนการจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ 2011 นี้เป็นต้นไป