ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > ฮอนด้าเล็งขายจยย.3 หมื่นบาท
ฮอนด้าเล็งขายจยย.3 หมื่นบาท
ที่มา - โพสต์ทูเดย์ วันที่ 12 ม.ค.54

เอ.พี.ฮอนด้า เตรียมเปิดศึกจักรยานยนต์ทุกเซ็กเมนต์เล็งขยายกลุ่มลูกค้าราคาถูกระดับ 3 หมื่นกว่าบาท จับรากหญ้า หวังชะลอตลาดอิ่มตัว

แหล่งข่าวจากบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า เปิดเผยว่า จากนโยบายของนายจิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร ที่จะเดินหน้าขยายไลน์สินค้าเพิ่มเติมอีก 12 รุ่น ภายใน 3 ปีนับจากนี้ ฮอนด้าตั้งเป้าหมายที่จะรักษาการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้ามาตอบรับเซ็กเมนต์ใหม่ๆ รวมไปถึงการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการสำหรับการทำตลาดรถจักรยานยนต์ราคาถูกที่คาดว่าจะทำราคาให้อยู่ในระดับ 3-3.2 หมื่นบาท จากราคาจำหน่ายในรุ่นต่ำสุด3.8 หมื่นบาทในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวรถรุ่นที่อยู่ระหว่างการพัฒนาภายในปีนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ได้ง่ายขึ้น

"ในอดีตที่ผ่านมาฮอนด้าเคยทำรถจักรยานยนต์ที่ราคาถูกสุด คือเวฟ 100 ราคา 2.89 หมื่นบาทอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้เหมาะสม เนื่องจากจะต้องมีการผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นดังกล่าวในปริมาณมากพอ ก่อให้เกิดความคุ้มค่าในการผลิต และเป็นการลดต้นทุนการผลิตไปในตัว" แหล่งข่าวเปิดเผย

นายจิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า กล่าวว่า ฮอนด้าวางแผนงานระยะกลาง 3 ปีนับจากนี้ ว่าจะเติมเต็มสินค้าที่ขาดหายไปในช่วงของการปรับเปลี่ยนมาทำตลาดรถจักรยานยนต์หัวฉีด โดยตั้งเป้าหมายที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่มากถึง 12 รุ่น ภายในระยะเวลา 3 ปีของแผนงานดังกล่าว

แผนดังกล่าวจะทำให้ฮอนด้าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าในอนาคต ด้วยการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มฟัน(FUN) รวมถึงรถจักรยานยนต์ประเภทบิ๊กไบค์ นอกจากนี้จะขยายเครือข่ายการจำหน่ายโดยการเพิ่มจำนวนร้านฮอนด้า วิง เซ็นเตอร์ เป็น 900 แห่ง และร้านฮอนด้า วิงช็อปในรูปแบบใหม่ จำนวน 400 แห่ง รวมทั้งสิ้นจะเพิ่มร้านเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ได้เป็น 1,300 แห่งภายในปี 2557

ล่าสุด ฮอนด้าได้แนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นเวฟ 110 ไอ รุ่นใหม่รวมถึงจะมีการเสริมรถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัว 110 ซีซีราคาย่อมเยาออกสู่ตลาดอีก 1 รุ่นโดยตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทั้ง 2 รุ่นไว้ที่ 5.4 แสนคันในปีนี้ จากยอดจำหน่ายที่คาดว่าจะทำได้ 1.33 ล้านคัน โดยที่ตลาดรถจักรยานยนต์น่าจะเติบโตเล็กน้อย และมียอดจำหน่ายรวมที่ 1.39 ล้านคัน