เพิ่งจะเริ่มศักราชใหม่เพียงแค่กลางเดือนมกราคม 2554 ตลาดยานยนต์ไทยก็คึกคักรับต้นปีกระต่ายทองซะแล้ว หลายค่ายออกมาแจงผลสรุปยอดการจำหน่ายของปีที่ผ่านมา พร้อมกับแถลงนโยบายประจำปีนี้ไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญประกาศย้ำความชัดเจนในทิศทางอีกยาวไกลนี้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ผมไม่ได้เขียนถึงเรื่องราวของรถจักรยานยนต์ หรือที่คนอีสานบ้านผมชอบเรียกกันติดปากว่า "รถมอเตอร์ไซค์" มานานปีดีดัก นานจนจำไม่ได้ทีเดียวเชียวล่ะ เพราะคิดว่าแฟนานุแฟนที่มีเกียรติของผมเป็นไฮโซไฮซ้อที่ไม่ค่อยจะสันทัดกับรถสองล้อกันเท่าใด
แต่ที่ไหนได้พอได้ยินทางบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด โดยท่านประธานกรรมการบริหาร มร.จิอากิ คาโต้ สรุปยอดขายรถจักรยานยนต์เมื่อปีที่ผ่านมา (2553) ด้วยยอดการจำหน่ายรวมถึง 1,850,000 คัน เติบโตขึ้นกว่า 120% จากปีก่อน (2552) เฉพาะฮอนด้าเองกวาดยอดการจำหน่ายไปถึง 1,260,000 คัน หรือเติบโตสูงสุดถึง 124% ส่งผลให้ เอ.พี.ฮอนด้า สามารถบรรลุการเป็นองค์กรอันดับหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ไทยได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 22
พร้อมกันนี้ยังคาดการณ์อีกว่าปีนี้ 2554 จะมียอดการจำหน่ายรวมถึงกว่า 1,900,000 ค้น หรือเติบโตจากปี 2553 102% โดยฮอนด้าตั้งเป้าการขายไว้ที่ 1,330,000 คัน
นอกจากนี้ท่านประธานฯ คาโต้ ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ถึงการดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ในระยะ 3 ปีจากนี้ไป หรือที่เรียกว่าแผนระยะกลาง 3 ปี จากปีนี้ 2554-2556 ว่า ปีนี้ถือเป็นปีเริ่มต้นธุรกิจอีก 10 ปีข้างหน้า และเป็นปีเริ่มต้น "แผนระยะกลาง 3 ปีฉบับใหม่" ของ เอ.พี.ฮอนด้า ซึ่งกำหนดเป้าหมายมุ่งสู่การเป็น "ผู้นำอย่างแท้จริง" เพื่อเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์อันดับหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ 3 ประการคือ
ประการแรกคือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหนือความคาดหมายของตลาด โดยเริ่มจากการเสริมความแข็งแกร่งไลน์อัพปัจจุบัน ด้วยการเติมเต็มช่องว่างของตลาดให้ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ มาตรการที่สองคือ การวางจำหน่ายสินค้าสร้างเทรนด์ ด้วยการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ และความสุขในการขับขี่ให้กับลูกค้าชาวไทย ด้วยการวางจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม FUN รวมถึงรถจักรยานยนต์ Big Bike และมาตรการที่สามคือ การเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ด้วยการวางแผนรองรับการขยายถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ในอนาคต สร้างตลาดใหม่และมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เพื่อเตรียมการสู่ชนรุ่นหลังต่อไป โดยในระยะ 3 ปีนี้ ฮอนด้าจะวางตลาดรถรุ่นใหม่ 12 รุ่น บนพื้นฐานมาตรการสำคัญ 3 ประการนี้
ประการต่อมาคือ การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกๆ ด้าน ซึ่งจากนี้ไปฮอนด้าจะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดในวงการธุรกิจรถจักรยานยนต์ เป็นที่ชื่นชอบจากกลุ่มลูกค้าในทุกระดับ รวมถึงกลุ่มที่ไม่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วย
และประการสุดท้ายคือ การขยายความพึงพอใจสูงสุดของผู้ใช้และสังคม ซึ่งฮอนด้าจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่ายฮอนด้า โดยจะเพิ่มจำนวนร้าน Honda Wing Center ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเป็น 90 แห่ง และ Wing Shop ในรูป 3S ใหม่อีก 400 แห่ง รวมทั้งเพิ่มร้านเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ได้ 1,300 แห่งภายในปี 2556 นอกจากนี้จะเสริมความแข็งแกร่งในการทำกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัย และทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับร้านผู้จำหน่ายในรูปแบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับรถจักรยานยนต์รุ่นแรกของแผนฯ ครั้งนี้คือ การปรับโฉมของ "ฮอนด้า เวฟ 110i ระบบหัวฉีด PGM-Fi" รถยอดนิยมสำหรับคนไทยทุกยุคทุกสมัย ตอกย้ำความคุ้นเคยของรถครอบครัวคู่กับคนรุ่นใหม่ด้วยการออกแบบบังลมใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะสมกับการใช้งานในแบบครอบครัว ขยายพื้นที่กล่องเก็บของใต้เบาะให้ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 7.4 ลิตร รวมทั้งท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ด้วยวัสดุสเตนเลสกันสนิมพร้อมแผ่นกันความร้อน
ท่านประธานฯ คาโต้ ยังย้ำมาอีกว่า ฮอนด้า เวฟ 110i ใหม่ นอกจากความสะดวกสบายแล้วยังเป็นรถที่มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 57 กม./ลิตร และมีให้เลือก 3 รุ่นคือ รุ่นล้อซี่ลวด ดิสก์เบรกหน้า/สตาร์ทมือ, รุ่นล้อซี่ลวด ดิสก์เบรกหน้า/สตาร์ทเท้า และรุ่นล้อซี่ลวด ดรัมเบรก/สตาร์ทเท้า ในราคารุ่นยอดนิยมสูงสุดคือ รุ่นดิสก์เบรกหน้า/สตาร์ทเท้า อยู่ที่ 38,400 บาท และจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ศกนี้ เป็นต้นไป