นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่าอุบัติเหตุจราจรเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านปริมาณและความรุนแรง ก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ในปีหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก แม้ว่าประเทศไทยจะมีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาหมวกนิรภัยทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 แต่ในสภาพความเป็นจริง ยังพบว่าผู้ขับขี่จักรยานยนต์ยังมีการสวมหมวกกันน็อกในเกณฑ์ที่ต่ำมาก ทั้งนี้จากผลสำรวจผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย พบว่า มีปัจจัยที่เป็นข้ออ้างในการไม่ปฏิบัติหลายกรณี อาทิเช่น ระยะทางขับขี่ใกล้ไม่อันตรายไม่จำเป็นต้องสวม ร้อน อึดอัด ผมเสียทรง ไม่มีที่เก็บ ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี หมวกมีราคาแพง กลัวหาย เหม็น กลัวติดเชื้อ ฯลฯ
จากปัญหาดังกล่าวรัฐบาลได้ประกาศให้ปี พ.ศ.2554 เป็นปีแห่งการรณรงค์สวมหมวกกันน็อก โดยเชิญชวนให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นองค์กรภาคประชาชน ภาคประชาสังคม เห็นความสำคัญของปัญหา และร่วมมือกันรณรงค์ให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพตระหนักถึงภัยอันตรายจาการขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกกันน็อก ซึ่งส่งผลให้คนไทยเสียชีวิตในปีหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 8,000 คน ทั้งนี้โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ร้อยละ 80 จะมีอายุอยู่ระหว่าง 15-25 ปี และในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตสูงถึงปีละ 9,000 คน
น.พ.แท้จริง กล่าวต่อว่า ชมรมคนห่วงหัว มูลนิธิเมาไม่ขับ มีความห่วงใยต่อปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด บริษัท เอพี ฮอนด้า จำกัด และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุจราจร ภาครัฐ ภาคเอกชน จัดโครงการ ปล่อยขบวนวันแห่งความรัก รักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อก โดยลักษณะโครงการจะเป็นการจัดหาหมวกกันน็อกเด็กมอบให้กับประชาชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์และนำบุตรหลานซ้อนท้าย โดยไม่มีหมวกกันน็อคสวมใส่ เพื่อรณรงค์ให้พ่อแม่ ผู้ปกครองหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการป้องกันอุบัติเหตุกับการขับขี่รถหรือซ้อนท้ายจักรยานยนต์และไม่สวมหมวกกันน็อค
ทั้งนี้จะมีพิธีปล่อยขบวนวันแห่งความรัก รักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อค ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ โดยมี พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวน ที่จะประกอบด้วยอาสาสมัครรณรงค์ลดอุบัติเหตุทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน จำนวน 100 คน ประกอบด้วยรถขบวนรณรงค์จำนวน 5 คัน เริ่มตั้งขบวนที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02 ) ถ.วิภาวดีรังสิต หลังจากนั้นขบวนจะวิ่งไปตามแส้นทางถ.วิภาวดีรังสิต เข้าสู่ถนนพหลโยธินจอดรณรงค์ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลังจากนั้นขบวนจะมุ่งตรงไปตามถนนพญาไทจอดรณรงค์ที่สี่แยกปทุมวัน หลังจากนั้นเคลื่อนขบวนไปตามถนนพญาไท เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถ.พระราม 4 มุ่งหน้าไปบริเวณคลองเตย เลี้ยวซ้ายผ่านเข้าถนนรัชดาภิเษก ผ่านศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์วิ่งตรงไปตามเส้นทางถนนรัชดาภิเษก จอดแวะและรณรงค์บริเวณหน้าโรงแรมฟอร์จูน หลังจากนั้นขบวนมุ่งตรงไปตามถนนรัชดาภิเษก ไปสิ้นสุดที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02)