สมอ. ครบรอบ 42 ปี ร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคล 84 พรรษา และรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% จัดโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.” ให้ประชาชนนำหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อกใบเก่ามาแลกใบใหม่ที่ได้ มอก. ฟรี จำนวนกว่า 8,400 ใบ ในวันพุธที่ 23 มีนาคมนี้ ณ บริเวณด้านหน้าอาคาร สมอ. พร้อมเลือกซื้อหมวกกันน็อกมาตรฐาน มอก. ในราคาต้นทุนจากโรงงาน ย้ำผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ควรสวมหมวกกันน็อก มอก. เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
นายชัยยง กฤตผลชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปี 2554 นี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งเป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติ ได้ดำเนินงานด้านการมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากล มาเป็นระยะเวลา 42 ปี แล้ว เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ตลอดจนเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อม และคุ้มครองผู้บริโภค ปัจจุบัน สมอ. ได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) แล้วกว่า 2,800 รายการ และให้การรับรองผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน โดยการอนุญาตให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานกว่า 20,000 ราย
และในปี 2554 นี้ รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นปีแห่ง การรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งการบังคับใช้กฎหมายหมวกนิรภัยอย่างเข้มงวด รวมถึงการพัฒนามาตรฐานหมวกนิรภัยให้มีทั้งความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ซึ่ง สมอ. มีภารกิจในการกำกับดูแลให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ด้วยการแสดงเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ มอก. เพื่อความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย และจากสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 1.3 ล้านคน หรือทุกนาทีจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 25 คน และทำให้มีผู้พิการถึงปีละ 50 ล้านคน สำหรับประเทศไทย สถานการณ์อุบัติเหตุยังน่าเป็นห่วง โดยในปี 2552 มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 10,171 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมของ ผู้ขับขี่โดยอัตราของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 60 – 70% เป็นกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์และไม่สวมหมวกนิรภัย โดยข้อมูลของมูลนิธิไทยโรดส์ล่าสุดพบว่ามีผู้สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์เพียง 53.3% ส่วนผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัยเพียง 19.4%
ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น สมอ. ได้ตระหนักถึงผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยเป็นอย่างยิ่ง จึงได้จัดทำโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.” ขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักถึงการขับขี่อย่างปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยการสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน มอก. เพื่อช่วยลดอัตราความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ ประกอบกับในปี 2554 นี้ สมอ. มีการดำเนินงานมาครบรอบ 42 ปี ในวันที่ 25 มีนาคม 2554 จึงถือโอกาสในการจัดทำโครงการนี้ เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบการสถาปนา 42 ปี สมอ. ด้วย
เลขาธิการ สมอ. กล่าวต่อว่า การจัดทำโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.” นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่ สมอ. ครบรอบ 42 ปีแล้ว ยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษาด้วย โดย สมอ. จะแจกหมวกนิรภัย จำนวน 8,400 ใบ ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่นำหมวกนิรภัยใบเก่าพร้อมบัตรประชาชนมาลงทะเบียนเพื่อแลกหมวกใบใหม่ ในวันพุธที่ 23 มีนาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. บริเวณด้านหน้าอาคาร สมอ. โดยมีศิลปินดาราชื่อดังมาร่วมงาน อาทิ แน็ค – ชาลี ไตรรัตน์ ปุ๋ม – ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เอก – ชมะนันท์ วรรณวินเวศร์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “42 ปี สมอ. มาตรฐานดี คู่สังคมไทย” เพื่อแสดงประวัติความเป็นมา บทบาท หน้าที่ พันธกิจ ผลงาน ตลอดจนกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่ สมอ. ให้การสนับสนุนและดำเนินงานตลอดระยะเวลา 42 ปี ที่สร้างสรรค์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่ดีให้อยู่คู่กับสังคมไทย พร้อมจัดให้มีบูธจำหน่ายหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน มอก. ในราคาต้นทุนจากบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์และโรงงานผู้ผลิตหมวกนิรภัยโดยตรงกว่า 10 บูธ
“อยากฝากถึงประชาชนผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทุกท่าน โปรดได้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยการสวมหมวกนิรภัยที่มีมาตรฐาน มอก. เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายมาตรฐานรับรอง ได้มีการตรวจสอบจาก สมอ. แล้วว่าจะช่วยป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่จากการกระแทก อีกทั้งยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย เพราะผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานจะมีความคงทน สามารถใช้งานได้นาน นอกจากนี้ ผู้บริโภคก็จะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ขาย เพราะผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานมีการระบุรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงคุณภาพก่อนตัดสินใจซื้อ การจัดกิจกรรมนำหมวกนิรภัยใบเก่ามาแลกใบใหม่ในครั้งนี้ ผมหวังว่าจะมีส่วนในการกระตุ้นเตือนภาคสังคมให้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ได้อีกทางหนึ่ง” เลขาธิการ สมอ. กล่าว