พรรคการเมืองแห่ซื้อมอเตอร์ไซค์ 3 หมื่นคันรับเลือกตั้ง ให้หัวคะแนนเคาะประตูบ้านหาเสียง ส่งผลยอดจำหน่ายเดือน พ.ค. พุ่ง 1.7-1.8 แสนคัน พร้อมซื้อปิกอัพใช้หาเสียงอีกประมาณ 5 พันคัน
เมื่อวันพฤหัสบดี นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า ในช่วงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ก.ค.นี้ คาดว่าพรรคการเมืองจะซื้อรถจักรยานยนต์ 2-3 หมื่นคัน วงเงิน 900 ล้านบาท เพื่อให้หัวคะแนนนำไปหาเสียงตามหมู่บ้านต่างๆ เพราะสามารถนำนโยบายเข้าถึงประชาชนได้มากกว่าการใช้รถปิก อัพในการหาเสียง และที่สำคัญรถจักร ยานยนต์มีราคาไม่แพงเหมือนกับรถปิก อัพ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมในเดือน พ.ค. จะอยู่ในระดับ 1.7-1.8 แสนคัน
สำหรับการใช้รถปิกอัพ คาดว่าพรรคการเมืองจะมีการซื้อมาใช้ในการหา เสียงประมาณ 5,000 คัน ส่วนใหญ่จะเป็นรถมือสอง เพราะหากต้องการรถป้ายแดงต้องใช้เวลานาน เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์อยู่ระหว่างการลดกำลังการผลิต หลังจากที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนจากประเทศญี่ปุ่นส่งชิ้นส่วนบางประเภทให้ไม่ทันตามความต้องการของบริษัทลูกที่มีอยู่ทั่วโลก
"ส่วนใหญ่ค่ายรถจักรยานยนต์ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติในประเทศญี่ปุ่นมากนัก เพราะชิ้นส่วนสามารถผลิตได้ในประเทศไทยเกือบทุกรุ่น ยกเว้นรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ดังนั้นค่ายรถจึงสามารถผลิตสินค้าได้ทันตามความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มนักการเมืองที่ช่วงนี้กำลังหาเสียงเลือกตั้งอย่างเข้มข้น" นายวัลลภกล่าว
สำหรับยอดจำหน่ายรถจักรยาน ยนต์ในเดือน เม.ย. อยู่ที่ 1.5 แสนคัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.67% และรวม 4 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 6.7 แสนคัน เพิ่ม 11.69%
นายวัลลภกล่าวอีกว่า เป็นห่วงสต็อกรถยนต์ในเดือน พ.ค.อย่างมาก เนื่องจากในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลายค่ายรถยนต์ได้นำสต็อกรถมาจำหน่าย ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ที่ผลิตในประเทศและรถยนต์นำเข้าอยู่ที่ 6.7 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 17.8% โดยเฉพาะค่ายเล็กบางบริษัทมียอดขายเพิ่มสูงมากกว่า 300% ทั้งๆ ที่ภาพรวมค่ายรถยนต์ลดกำลังการผลิต 30-50%