ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > คาวาซากิทุ่ม 60 ล้านผุดศูนย์บิ๊กไบก์แข่งเดือด
คาวาซากิทุ่ม 60 ล้านผุดศูนย์บิ๊กไบก์แข่งเดือด
ที่มา - นสพ.ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 19-21 ก.ย.54

"กลุ่มธุรกิจเอ็มไดร์ฟ" ทุ่ม 60 ล้านผุดโชว์รูมและศูนย์บริการรถบิ๊กไบก์คาวาซากิ "โมโตฮอลิค" ยึดทำเลฝั่งธนฯ พร้อมดูแลลูกค้าจังหวัดใกล้เคียงมั่นใจปีหน้ายอดขาย 1,000 คัน รายได้รวม 700 ล้านบาท เชื่อปีหน้าตลาดบิ๊กไบก์แข่งเดือด หลายค่ายแห่ตั้งโรงงานในไทย

ดร.อรรถพงษ์ สกุลศรีประเสริฐกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจเอ็มไดร์ฟและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโตฮอลิค จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์คาวาซากิ เปิดเผย"ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า จากเดิมที่เป็นผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กทั้งยี่ห้อฮอนด้า คาวาซากิ ซูซูกิ และเวสป้า

ในปีนี้ก็ได้ขยายธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์คาวาซากิ ภายใต้ชื่อ "โมโตฮอลิค"(Motoaholic) ด้วยเงินลงทุนกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นการก่อสร้างและค่าที่ดิน 40 ล้านบาท การตกแต่งโชว์รูม การซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับศูนย์บริการอีก 20 ล้าน บนพื้นที่ฝั่งธนบุรีเพื่อดูแลลูกค้าในฝั่งธนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ทั้งสมุทรสาครสมุทรสงคราม ราชบุรี และเพชรบุรีด้วย

ซึ่งร้านโมโตฮอลิคมีรูปแบบการให้บริการคือ ส่วนของโชว์รูมที่จำหน่ายจักรยานยนต์ประเภทบิ๊กไบก์ของคาวาซากิตั้งแต่ 110-1,000 ซีซี การจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถ พร้อมศูนย์เซอร์วิส เซ็นเตอร์ แอนด์ สแปร์ พาร์ตคือศูนย์บริการอะไหล่พร้อมจำหน่ายและบริการโดยช่างจาก คาวาซากิ รวมถงการบริการรับเทรดอินรถจักรยานยนต์ทุกประเภท เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำรถจักรยานยนต์รุ่นใดก็ได้มาเปลี่ยนเป็นรถจักรยานยนต์คาวาซากิด้วย

นอกจากนี้ยังมีส่วนของ"บิ๊ก ฟัน แอ็กทิวิตี้" เน้นเรื่องกิจกรรมสำหรับลูกค้า เช่น คาราวาน, การจัด Riding course เน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโซเชียลมีเดีย และการร่วมกับบริษัทผู้ผลิตออกบูทเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการเน้นการ31 ตลาดแบบครบวงจร

"การเปิดโชว์รูมโมโตฮอลิคแห่งนี้เรามั่นใจมากว่ามีลูกค้ากลุ่มใหม่และลูกค้าคาวาซากิเดิมอีกจำนวนมากที่ต้องการมาใช้บริการ เพราะเดิมในกรุงเทพฯจะมีโชว์รูมและศูนย์บริการเพียงแห่งเดียวคือที่พระรามเก้า แต่ตอนนี้โมโตฮอลิคจะสามารถให้บริการลูกค้าพื้นที่ฝั่งธนบุรีและจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างเต็มที่ เพราะเรามีทั้งในส่วนโชว์รูมและการบริการอย่างเต็มรูปแบบที่สามารถรองรับรถจากลูกค้าได้ถึงเดือนละ 300 คัน"

ส่วนยอดขายในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 160 ล้านบาท (ไม่รวมรถรุ่นเคเอสอาร์ ขนาด110 ซีซี) และในปีหน้าคาดว่าจะมียอดขายจำนวน 1,000 คัน รวม 240 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายมาจากรุ่นนินจา250 ซีซีเป็นหลัก โดยจำนวนยอดขาย1,000 คันนั้นเป็นยอดที่บริษัทคาวาซากิสามารถผลิตรถให้แก่บริษัทได้ แต่หากความต้องการของลูกค้ามีสูงขึ้นต่อเนื่องก็ต้องมีการพิจารณาเพิ่มยอดการส่งมอบให้มากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กทั้งยี่ห้อฮอนด้าคาวาซากิ ซูซูกิ และเวสป้า โดยมีจำนวนทั้งหมด 9 สาขา มียอดขายรวม6,500 คันต่อปี มีรายได้ราว 460 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าในปีหน้าโชว์รูมและศูนย์บริการคาวาซากิจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจราว 70-80%หรือประมาณ 240 ล้านบาท ทำให้ทั้งกรุ๊ปจะมีรายได้รวม 700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีการลงทุนปรับปรุงโชว์รูมในตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วไป โดยการขยายโชว์รูมฮอนด้า (Wing Shop)1 สาขา และปรับปรุงโชว์รูมเวสป้าอีก 1 สาขาด้วย

สำหรับภาพรวมของตลาดบิ๊กไบก์นั้นดร.อรรถพงษ์กล่าวว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มของการเติบโตต่อเนื่อง เพราะมีผู้ผลิตรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์หลายค่ายที่มีการตั้งโรงงานผลิตในประเทศทำให้ในปีหน้าการแข่งขันในตลาดนี้จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายต้องแข่งขันทั้งในด้านการบริการและการจัดกิจกรรมหลังการขายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป มีการใช้รถบิ๊กไบก์ทั้งเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

"ขณะนี้ก็มีบริษัทแม่ของค่ายรถยุโรปหลายแบรนด์ที่สนใจเข้ามาตั้งโรงงานในไทย ทำให้ไม่มีต้นทุนภาษีนำเข้าและรถจะมีราคาถูกลง ในปีหน้าตลาดรถบิ๊กไบก์จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงแน่นอน ทั้งด้านการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆการขยายช่องทางการจำหน่าย และกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ แต่เชื่อว่าก็มีลูกค้ารถจำนวนมากที่เชื่อมั่นในแบรนด์คาวาซากิ เพราะเรามีสินค้าที่หลากหลาย และในเดือนตุลาคมนี้จะเปิดตัวรถใหม่คือ รุ่นคาวาซากิ Z1000 อีก 1 รุ่น เป็นทางเลือกให้ลูกค้าด้วย"ดร.อรรถพงษ์กล่าว