ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไทย ยอดขายกว่า 1 ล้านคันต่อปี นับเป็นตลาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก หลังจากเพิ่งถูกประเทศเวียดนามแซงหน้าขึ้นเป็นอันดับ 4 ไปเมื่อไม่นานนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็ยังถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของรถมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นอยู่ดี
มอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นได้พัฒนาขึ้นมาแซงหน้ามอเตอร์ไซค์ยุโรปและอเมริกา ซึ่งที่ผ่านมาซบเซามาโดยตลอด ด้วยสาเหตุที่ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นหันมาเอาดีด้านการผลิตสองล้อขนาดเล็ก เจาะตลาดประเทศด้อยพัฒนาเมื่อหลายสิบปีก่อน ขณะเดียวกันด้วย ศักยภาพที่แข็งแกร่งขึ้น ค่ายญี่ปุ่นก็พัฒนามอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่เข้าไปถล่มตลาดทั้งอเมริกาและยุโรป ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าในอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ ค่ายญี่ปุ่นครองตลาดเบ็ดเสร็จแล้ว
หากมองไปที่ความเคลื่อนไหวสินค้า จะเห็นแนวทางของแต่ละค่ายว่าการเปลี่ยนแปลงในวงการมีให้เห็นมาก ยามาฮ่า ที่ต้องเจออุปสรรคมากมาย จนทำให้ยอดขายในเมืองไทยรูดมาอยู่อันดับที่ 3 พอตั้งตัวได้ก็กำหนดเป้าให้ตัวเองก้าวสู่ตลาดระดับบน เพื่อหนีการแข่งขันทางด้านราคา พร้อมกับการเปิดแนวรบด้วยภาพลักษณ์ใหม่ของโชว์รูม และรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้ผลดีอย่างยิ่ง
ซูซูกิ หันไปให้ความสำคัญกับการบริหารภายในและระบบคน ในตัวรถก็ปรับมาสู้กับฮอนด้าได้มากขึ้น แม้ระยะสั้นคงไม่สามารถล้มพลังแห่งความฝันของสองล้ออย่างฮอนด้าได้ เพราะ ฮอนด้า เองก็ต้องหาทางปกป้องตลาดตัวเองจากคู่แข่งญี่ปุ่นด้วยกันแลัวยังต้องสู้รบกับมอเตอร์ไซค์จากจีน ที่เข้ามาไม่ถูกกฏหมาย และอนาคตก็อาจต้องเจอกับการแข่งขันจริงก็เป็นได้ โดยเฉพาะหากเกิดการขยายกรอบเอฟทีเอขึ้นมา
ค่าย ไทเกอร์ ของคนไทยที่ใช้การตลาดชนไหนชนด้วย ก็ทำยอดขายโตวันโตคืน ไทเกอร์เป็นตัวที่สร้างสีสันให้ตลาดได้มากในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วน คาวาซากิ นั้นก็นิ่งมานาน ตลาดคึกคักแบบนี้คงจะมีอะไรให้เห็นแน่นอน
แนวทางการพัฒนารถสองล้อโดยรวมน่าจะเข้าแนวสกูตเตอร์ และขณะนี้เมืองไทยมีการใช้ระบบการเปิดไฟโดยเป็นภาคบังคับให้โรงงานทำเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาจากโรงงาน ส่วนรถ 2 จังหวะจะเหลือแค่ปีนี้เท่านั้นที่พอจะหาซื้อได้ ใครอยากซื้อไปเป็นที่ระลึกก็ลงทุนซื้อไว้ได้ อีกไม่นานจะกลายเป็นของเก่าแก่
แนวโน้มของตลาดสองล้อไทย
ตลอดปี 2547
จากการที่ภาครัฐบาลยังคงมุ่งเน้นโยบายเพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ทั้งในระดับรากหญ้าและโดยรวม พร้อมๆ กับการผลักดันการขยายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(จีดีพี) ให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลในทางบวกต่อตลาด ประกอบกับการนำเสนอแนวนวัตกรรมใหม่ในด้านผลิตภัณฑ์ที่เสริมความหลากหลายในการใช้งาน
รวมถึงรูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้นของค่ายผู้ผลิตต่างๆ
จะเป็นการกระตุ้นให้ตลาดมีการเติบโต โดยคาดการณ์ว่าปริมาณการจำหน่ายทั้งสิ้นในปีนี้จะมีประมาณ 1.8 ล้านคัน