ตลาดรถจักรยานยนต์ไตรมาสแรกหดตัว 15% จากสภาวะเศรษฐกิจซบเซา ยอดรวม 3 เดือนแรกปิดที่ 415,154 คัน ลดลง 73,720 คันจากปีก่อนหน้า โดยรถจักรยานยนต์ฮอนด้ายังคงรักษาความเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคไว้วางใจสูงสุด ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยที่สุด โดยมียอดจดทะเบียนรวมในไตรมาสแรกที่ 288,697 คัน มียอดจดทะเบียนลดลงเพียง 8% จากปีก่อนหน้า ส่วนรถยอดนิยมอันดับหนึ่งยังคงเป็นรถครอบครัวฮอนด้ารุ่นเวฟ 100 ที่ครองใจผู้ใช้ทั่วประเทศอย่างเหนียวแน่นมาตลอด ส่วนรถเอทีอันดับหนึ่งยังคงเป็นฮอนด้า คลิก รถเอทียอดนิยมของวัยรุ่นยุคใหม่
นายโทชิยูกิ อินูมา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ในไตรมาสแรกของปี 2550 นี้มียอดขายลดลงราว 15% ดังนั้น คาดว่าจะส่งผลต่อยอดขายโดยรวม ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยคาดการณ์ว่าจะมียอดขายต่ำกว่าปีที่ผ่านมา และในช่วงครึ่งหลัง หรือตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปนั้น ตลาดก็จะเริ่มกลับมาทรงตัวอีกครั้ง ทั้งนี้คาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีนี้ยอดขายรถจักรยานยนต์จะมียอดขายรวมกันทุกยี่ห้อราว 1.75 ล้านคัน โดยยอดดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นตัวเลขที่ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ประเมินไว้ราว 1.9 ล้านคัน โดยในส่วนของฮอนด้านั้น ไม่ได้มีการปรับลดตัวเลขยอดขายลงตามภาวะตลาดโดยยังคงยืนยันยอดขายไว้ที่ 1.29 ล้านคัน
สำหรับในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้นั้น คาดการณ์ว่าตลาดจะไม่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสแรก โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมานั้นมียอดจดทะเบียนป้ายวงกลมของรถจักรยานยนต์รวมทุกยี่ห้อเท่ากับ 415,154 คัน ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือเทียบเท่าจำนวน 73,720 คัน โดยรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ยังคงรักษาความเป็นแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยที่สุด โดยมียอดจดทะเบียนรวมในไตรมาสแรกที่ 288,697 คัน มียอดลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเพียง 8% เท่านั้น
"2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ลดลงก็คือ เรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้ภาพรวมของทุกธุรกิจอยู่ในภาวะที่ถดถอย ยอดขายของสินค้าหลายประเภทลดลง กำลังซื้อลดลง ขณะที่ปัจจัยด้านอัตราการถือครองของรถจักรยานยนต์ของไทยนั้น ก็เริ่มเข้าถึงจุดอิ่มตัว โดยพบว่าจำนวนรถจักรยานยนต์ต่อหนึ่งครอบครัวนั้นมีจำนวนมากขึ้น ดังนั้น อนาคตตลาดรถจักรยานยนต์ก็อาจจะทรงตัวหรือมีการเติบโตไม่มากนัก"
นอกจากนั้น เมื่อมองในยอดจดทะเบียนรถแต่ละประเภท จะเห็นว่า รถแบบเอทีเป็นกลุ่มเดียวที่มีอัตราเติบโตสูงสุด โดยเติบโตจาก 113,764 คันในช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ. 2549 เป็น 188,377 คัน หรือขยายตัวขึ้น 166% เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 45% เป็นรองเพียงรถครอบครัวที่มีสัดส่วนตลาด 50% ซึ่งแสดงถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป เน้นความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่ง 10 จังหวัด Top Ten ที่เป็นตลาดใหญ่ของรถแบบเอที อาทิ กรุงเทพ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต นครราชสีมา ระยอง สุราษฎร์ธานี สงขลา ราชบุรี นครศรีธรรมราช
จากแนวโน้มตลาดที่ลดลงตั้งแต่ต้นปีนั้น บรรดาค่ายผู้ผลิตต่างไม่นิ่งนอนใจ และได้เร่งแผนกระตุ้นตลาดกันอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของฮอนด้าเองก็พยายามที่จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความคึกคักให้กับตลาด โดยล่าสุด ได้มีการจัดแคมเปญร่วมสนับสนุนภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี อาทิ ภาพยนต์เรื่อง Ghost Riders กับรถจักรยานยนต์รุ่นท๊อปสุดของเมืองไทย Honda Phantom Fire Edition ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนในไตรมาส 2 นี้ได้จับมือกับโซนี่พิคเจอร์สสนับสนุนภาพยนตร์ที่ทุกคนรอคอยมากที่สุด นั่นคือ "สไปเดอร์แมน 3" กับ ฮอนด้า คลิก สไปเดอร์แมนเอดิชั่น พร้อมอัดแคมเปญยักษ์ "ฮอนด้าชักใยให้โชค" โดยร่วมกับเอไอเอส และ โรงภาพยนต์เอสเอฟสร้างกระแสคลื่นมหาชนที่ร้านผู้จำหน่ายฮอนด้าทั่วประเทศ
"ในฐานะผู้นำตลาดที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่ง เราจะเป็นจะต้องจัดกิจกรรมเพื่อดึงคนเข้าโชว์รูม โดยเฉพาะการเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสัดส่วนราว 25% ของยอดขายของเรา"
สำหรับยอดขายรถจักรยานยนต์ไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม 2550) ที่ผ่านมานั้น พบว่ารถจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ ต่างมียอดขายลดลง โดยพบว่าไทเกอร์มียอดขายลดลงมากที่สุด ขณะที่ฮอนด้าประคองตัวได้ดีที่สุดในตลาด
ยอดขายรถจักรยานยนต์ไตรมาสแรกของปี 2550
แยกตามยี่ห้อ
อันดับ |
ยี่ห้อ |
ม.ค.-มี.ค.50 |
ลดลง* (%) |
|
จำนวน
(คัน) |
% |
|||
1 |
ฮอนด้า |
288,697 |
70% |
8% |
2 |
ยามาฮ่า |
97,133 |
23% |
19% |
3 |
ซูซูกิ |
23,149 |
6% |
39% |
4 |
คาวาซากิ |
1,735 |
0.4% |
63% |
5 |
เจอาร์ดี |
915 |
0.2% |
53% |
6 |
ไทเกอร์ |
460 |
0.1% |
93% |
7 |
อื่นๆ |
3,065 |
0.7% |
- |
รวม |
415,154 |
100% |
- |
|
*
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา |
ยอดขายรถจักรยานยนต์ไตรมาสแรกของปี 2550
แยกตามประเภทรถจักรยานยนต์
อันดับ |
ยี่ห้อ |
ม.ค.-มี.ค.50 |
% |
|
จำนวน
(คัน) |
% |
|||
1 |
รถครอบครัว | 208,755 |
50% |
-
38% |
2 |
รถเกียร์อัตโนมัติ | 188,377 |
45% |
+
66% |
3 |
รถแฟมิลี่สปอร์ต | 14,406 |
3% |
-
55% |
4 |
รถสปอร์ต | 2,825 |
1% |
-26% |
5 |
รถออฟโรด | 791 |
1% |
-11% |
รวม |
415,154 |
100% |
- |
|
*
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา |